นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังนายพอล กริกสัน เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เข้าพบว่า ประเทศออสเตรเลียแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มในหลายอุตสาหกรรม
นายชาญชัย กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2513 จนถึงปัจจุบัน ลงทุนในไทยแล้ว 291 โครงการ คิดเป็นมูลค่าขอรับส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ประมาณ 62,000 ล้านบาท ธุรกิจของออสเตรเลียในประเทศไทยประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจตลอด และการพบกันครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งทางออสเตรเลียว่า หากมีสิ่งใดที่รัฐบาลไทยช่วยได้ก็ขอให้แจ้งให้ทราบ
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ออสเตรเลียยังคงยืนยันเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีการเปิดโครงการลงทุนในประเทศไทยแล้ว 3 ราย และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นักธุรกิจออสเตรเลียเข้ามาลงทุนในไทยค่อนข้างมาก ซึ่งช่วงนี้ธุรกิจเอสเอ็มอีของออสเตรเลีย ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกช้ากว่าสหรัฐฯ และยุโรป และขณะนี้ ค่าเงินออสเตรเลียเมื่อเทียบกับเงินบาทอ่อนค่าลง จากระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย เหลือ 23 บาทต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่งผลให้เอสเอ็มอีออสเตรเลียรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่ยืนยันไม่ถอนการลงทุนออกจากไทย สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ออสเตรเลียสนใจ ได้แก่ เหมืองแร่ทองคำ ทองแดง ทังสเตน ฝ่ายไทยคาดว่าในอนาคต ออสเตรเลียจะลงทุนเพิ่มในหลายอุตสาหกรรม ทั้งอาหาร ซอฟต์แวร์ อิเล็กทรอนิกส์ เรือยอชท์ ส่วนประกอบผลิตภัณฑ์โลหะ ชิ้นส่วนยานยนต์ เคมีภัณฑ์ พลังงานทางเลือก และเทคโนโลยีชีวภาพ
นางอรรชกา กล่าวอีกว่า นายพอล ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของไทย ไปเยือนออสเตรเลีย ซึ่งมีกำหนดจะเดินทางไปเยือนเดือนเมษายนนี้ ช่วงที่บีโอไอจะจัดตั้งสำนักงานที่นครซิดนีย์ เพื่อให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนออสเตรเลียที่จะเข้ามาลงทุนในไทย
นายชาญชัย กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2513 จนถึงปัจจุบัน ลงทุนในไทยแล้ว 291 โครงการ คิดเป็นมูลค่าขอรับส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ประมาณ 62,000 ล้านบาท ธุรกิจของออสเตรเลียในประเทศไทยประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจตลอด และการพบกันครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งทางออสเตรเลียว่า หากมีสิ่งใดที่รัฐบาลไทยช่วยได้ก็ขอให้แจ้งให้ทราบ
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ออสเตรเลียยังคงยืนยันเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีการเปิดโครงการลงทุนในประเทศไทยแล้ว 3 ราย และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นักธุรกิจออสเตรเลียเข้ามาลงทุนในไทยค่อนข้างมาก ซึ่งช่วงนี้ธุรกิจเอสเอ็มอีของออสเตรเลีย ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกช้ากว่าสหรัฐฯ และยุโรป และขณะนี้ ค่าเงินออสเตรเลียเมื่อเทียบกับเงินบาทอ่อนค่าลง จากระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย เหลือ 23 บาทต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย ส่งผลให้เอสเอ็มอีออสเตรเลียรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่ยืนยันไม่ถอนการลงทุนออกจากไทย สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ออสเตรเลียสนใจ ได้แก่ เหมืองแร่ทองคำ ทองแดง ทังสเตน ฝ่ายไทยคาดว่าในอนาคต ออสเตรเลียจะลงทุนเพิ่มในหลายอุตสาหกรรม ทั้งอาหาร ซอฟต์แวร์ อิเล็กทรอนิกส์ เรือยอชท์ ส่วนประกอบผลิตภัณฑ์โลหะ ชิ้นส่วนยานยนต์ เคมีภัณฑ์ พลังงานทางเลือก และเทคโนโลยีชีวภาพ
นางอรรชกา กล่าวอีกว่า นายพอล ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของไทย ไปเยือนออสเตรเลีย ซึ่งมีกำหนดจะเดินทางไปเยือนเดือนเมษายนนี้ ช่วงที่บีโอไอจะจัดตั้งสำนักงานที่นครซิดนีย์ เพื่อให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนออสเตรเลียที่จะเข้ามาลงทุนในไทย
