รายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯระบุ นับตั้งแต่เปิดฉากสงครามอิรักในปี 2003 จำนวนทหารสหรัฐฯ ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าตัว ซึ่งแม้จะเป็นไปตามแนวโน้มทั่วไปของประเทศ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากความเครียดและการออกรบเป็นเวลานาน
“ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีทหารประจำการเข้ารับการรักษาเรื่องภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา มีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงมาก” รายงานของเพนตากอนซึ่งแผยแพร่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาระบุ
ในปี 1998 จำนวนของบุคลากรทางทหารที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน อยู่ที่ 25,652 นาย หรือคิดเป็นร้อยละ 1.6 ของกำลังพลทั้งหมด แต่ในปี 2003 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 34,333 นาย (2.1 เปอร์เซ็นต์) และหลังจากนั้นจนถึงปี 2008 ก็ขยับเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าตัวเป็น 68,786 นาย (4.4 เปอร์เซ็นต์ของกำลังพลโดยรวม)
ทั้งนี้เมื่อปี 2005 กองทัพสหรัฐฯ ได้จัดทำสำรวจความคิดเห็น พบว่า “สาเหตุหลักที่ทหารมักอ้างว่าทำให้พวกเขามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นก็คือความเครียด และเมื่อกลับมาจากการออกไปประจำการ”
“ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีทหารประจำการเข้ารับการรักษาเรื่องภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา มีอัตราการเพิ่มขึ้นสูงมาก” รายงานของเพนตากอนซึ่งแผยแพร่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาระบุ
ในปี 1998 จำนวนของบุคลากรทางทหารที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน อยู่ที่ 25,652 นาย หรือคิดเป็นร้อยละ 1.6 ของกำลังพลทั้งหมด แต่ในปี 2003 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 34,333 นาย (2.1 เปอร์เซ็นต์) และหลังจากนั้นจนถึงปี 2008 ก็ขยับเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าตัวเป็น 68,786 นาย (4.4 เปอร์เซ็นต์ของกำลังพลโดยรวม)
ทั้งนี้เมื่อปี 2005 กองทัพสหรัฐฯ ได้จัดทำสำรวจความคิดเห็น พบว่า “สาเหตุหลักที่ทหารมักอ้างว่าทำให้พวกเขามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นก็คือความเครียด และเมื่อกลับมาจากการออกไปประจำการ”