คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามกรอบการเปิดวงเงินกู้ 270,000 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินกู้ในประเทศ 200,000 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจ ซึ่งนายจักรกฤช ธาราพันธกุล โฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ระบุว่า สามารถดำเนินการเจรจากับธนาคารพาณิชย์ได้ทันที ส่วนการเปิดวงเงินกู้ 70,000 ล้านบาท จะเป็นการขอเปิดวงเงินจากสถาบันต่างประเทศ คือ ธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ไจก้า เพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐ และสถาบันการเงิน ซึ่งการขอเปิดวงเงินกู้ครั้งนี้ หากไม่มีการนำเงินออกมาใช้ ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
ขณะที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงปริมาณเงินคงคลัง ที่เหลือจำนวน 52,000 ล้านบาท ว่า จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาการใช้จ่ายภาครัฐ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะงบประมาณบางส่วนได้โอนเข้าสู่ระบบแล้ว แต่หากจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มเติม สามารถขอกู้เพิ่มได้ในกรอบวินัยทางการคลัง
นายกอร์ปศักดิ์ ยืนยันว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลยังมีความเป็นเอกภาพในการทำงาน ไม่มีปัญหาตามที่มีกระแสวิจารณ์ ว่า มีความขัดแย้งกับนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ขณะที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวถึงปริมาณเงินคงคลัง ที่เหลือจำนวน 52,000 ล้านบาท ว่า จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาการใช้จ่ายภาครัฐ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะงบประมาณบางส่วนได้โอนเข้าสู่ระบบแล้ว แต่หากจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มเติม สามารถขอกู้เพิ่มได้ในกรอบวินัยทางการคลัง
นายกอร์ปศักดิ์ ยืนยันว่า ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลยังมีความเป็นเอกภาพในการทำงาน ไม่มีปัญหาตามที่มีกระแสวิจารณ์ ว่า มีความขัดแย้งกับนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง