นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการมอบนโยบายให้แก่เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำภาคพื้นยุโรป 28 ประเทศ นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเมือง ว่า ขณะนี้ได้กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติแล้ว โดยรัฐบาลมีเป้าหมายจะดำเนินการใน 3 ด้าน คือ การจัดการประชุมระดับนานาชาติคือการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ การสร้างความสมานฉันท์ การปฏิรูปการเมือง และการแก้ไขคดีความต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจ รวมทั้งการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจในภาพรวม แผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่เน้นให้สำนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งนี้ยังได้มีการคาดการณ์ถึงวิกฤตที่อื่นๆ ซึ่งไทยได้มีมาตรการรองรับด้วยการใช้จ่ายผ่านงบประมาณกลางเดือนมีนาคมนี้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเร่งให้ทูตทำความเข้าใจในยุโรป เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีข่าวออกไปมาก และอาจมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง นอกจากนี้ทางสหภาพยุโรปเองยังมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชน นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาในภาคใต้ และได้ร่วมทำงานกับภาคีในภาคพื้นยุโรปด้วย
ส่วนสถานการณ์ยุโรปต่อประเทศไทยนั้น ทางคณะทูตได้ให้กำลังใจว่า ทางยุโรปเข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างดี รวมทั้งระบุด้วยว่า ชอบท่องเที่ยวในประเทศไทยเพียงแต่มีปัญหาที่ต้องดูแลคือ การตั้งกลุ่มของคนยุโรปในเมืองไทย เพื่อหลอกลวงแรงงานไทยให้มาทำงานในยุโรปอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้คนไทยไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางเข้าออกยุโรป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวนั้น คณะทูตต้องการให้นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนในสหภาพยุโรปในแต่ละประเทศเพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นด้วย
ส่วนสถานการณ์ยุโรปต่อประเทศไทยนั้น ทางคณะทูตได้ให้กำลังใจว่า ทางยุโรปเข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างดี รวมทั้งระบุด้วยว่า ชอบท่องเที่ยวในประเทศไทยเพียงแต่มีปัญหาที่ต้องดูแลคือ การตั้งกลุ่มของคนยุโรปในเมืองไทย เพื่อหลอกลวงแรงงานไทยให้มาทำงานในยุโรปอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้คนไทยไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางเข้าออกยุโรป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวนั้น คณะทูตต้องการให้นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนในสหภาพยุโรปในแต่ละประเทศเพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้นด้วย