นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (20 ม.ค.) จะมีการหารือถึงแนวทางการรับจำนำปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในวงเงิน 12,000 ล้านบาท โดยให้เกษตรกรจองสิทธิ์ในการนำสินค้ามาจำนำในแต่ละช่วง ซึ่งให้ราคาเป็นแบบขั้นบันได
ส่วนการรับจำนำยางพารานั้น ธ.ก.ส.จะจ่ายเงินกู้ให้สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์กองทุนสวนยาง หรือกลุ่มเกษตรกร ใช้เป็นทุนในการรับซื้อน้ำยางสด หรือยางแผ่น เพื่อนำไปแปรรูปเป็นยางแผ่นดิบหรือยางลูกขุนอัดก้อน 300,000 ตัน ซึ่งคาดว่า จะมีเกษตรกรเข้าร่วมจำนวน 600,000 ราย คิดเป็นวงเงิน 12,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังรอการสรุปพิจารณาราคารับจำนำอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.ยังต้องการให้กระทรวงการคลังเพิ่มทุนอีก 6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อ 323,000 ล้านบาท โดยเน้น 4 กลุ่มหลัก คือ สินเชื่อการเกษตร 234,000 ล้านบาท สินเชื่อสนับสนุนการสร้างงานในชนบท 41,000 ล้านบาท สินเชื่อเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 23,000 ล้านบาท และสินเชื่อนโยบายของรัฐอีก 25,000 ล้านบาท
ส่วนการรับจำนำยางพารานั้น ธ.ก.ส.จะจ่ายเงินกู้ให้สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์กองทุนสวนยาง หรือกลุ่มเกษตรกร ใช้เป็นทุนในการรับซื้อน้ำยางสด หรือยางแผ่น เพื่อนำไปแปรรูปเป็นยางแผ่นดิบหรือยางลูกขุนอัดก้อน 300,000 ตัน ซึ่งคาดว่า จะมีเกษตรกรเข้าร่วมจำนวน 600,000 ราย คิดเป็นวงเงิน 12,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังรอการสรุปพิจารณาราคารับจำนำอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.ยังต้องการให้กระทรวงการคลังเพิ่มทุนอีก 6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อ 323,000 ล้านบาท โดยเน้น 4 กลุ่มหลัก คือ สินเชื่อการเกษตร 234,000 ล้านบาท สินเชื่อสนับสนุนการสร้างงานในชนบท 41,000 ล้านบาท สินเชื่อเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 23,000 ล้านบาท และสินเชื่อนโยบายของรัฐอีก 25,000 ล้านบาท