ในการจัดงานโครงการเอเชียวิชาการปี 2552 หัวข้อ "แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2552" โดยมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ โดยเห็นว่ามาตรการที่รัฐบาลจะเตรียมใช้เงิน 300,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจนั้น มีหลายมาตรการที่เชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยเฉพาะมาตรการการนำเงิน 2,000 บาท ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเห็นว่ามาตรการเหล่านี้เมื่อมีการจ่ายเงินไปแล้วไม่ได้ส่งผลต่อการจ้างงานหรือสร้างรายได้ที่จะทำให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัว แต่จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยที่เป็นค่าใช้จ่ายมากกว่า นอกจากนี้ ก็ไม่ได้ไปถึงกลุ่มประชาชนในภาคเกษตรหรือภาคแรงงานที่มีปัญหาความเดือดร้อนได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่เงินดังกล่าวกลับไปก่อประโยชน์กับคนชั้นกลางมากกว่า
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้ เชื่อว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 0-2 ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกันและปัญหาความแตกแยกในสังคมที่ยังไม่หมดไป และที่สำคัญปัญหาความเชื่อมั่นจากต่างประเทศที่เกิดจากความขัดแย้ง ซึ่งเปรียบเสมือนคนไทยมีร้านขายข้าวแกง แต่คนในร้านทะเลาะกันก็ไม่มีลูกค้าอยากเข้าร้าน ก็เปรียบเสมือนนักลงทุนที่ไม่อยากเข้ามาลงทุนในประเทศ หากยังมีปัญหาความขัดแย้ง
ด้านนายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ในการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจโลกปีนี้ที่ประสบภาวะวิกฤตและจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยพบว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้ที่มีภาวะถดถอยทั้งในภูมิภาคสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกไม่ถึงร้อยละ 1 ถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 40-50 ปี เชื่อว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกอย่างหนัก โดยปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทยที่ปีนี้อาจจะติดลบหรือไม่ขยายตัว รวมทั้งหากประเทศไทยส่งออกลดลงก็จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออก และอาจนำมาซึ่งการเลิกจ้าง ทำให้มีคนตกงานจำนวนมาก
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจปีนี้ เชื่อว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 0-2 ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกันและปัญหาความแตกแยกในสังคมที่ยังไม่หมดไป และที่สำคัญปัญหาความเชื่อมั่นจากต่างประเทศที่เกิดจากความขัดแย้ง ซึ่งเปรียบเสมือนคนไทยมีร้านขายข้าวแกง แต่คนในร้านทะเลาะกันก็ไม่มีลูกค้าอยากเข้าร้าน ก็เปรียบเสมือนนักลงทุนที่ไม่อยากเข้ามาลงทุนในประเทศ หากยังมีปัญหาความขัดแย้ง
ด้านนายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ในการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจโลกปีนี้ที่ประสบภาวะวิกฤตและจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยพบว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้ที่มีภาวะถดถอยทั้งในภูมิภาคสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกไม่ถึงร้อยละ 1 ถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 40-50 ปี เชื่อว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกอย่างหนัก โดยปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออกของไทยที่ปีนี้อาจจะติดลบหรือไม่ขยายตัว รวมทั้งหากประเทศไทยส่งออกลดลงก็จะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออก และอาจนำมาซึ่งการเลิกจ้าง ทำให้มีคนตกงานจำนวนมาก