ศ. น.พ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ขอให้ชายไทยกว่า 1.7 ล้านคน ในกลุ่มคนยากจนที่ยังคงสูบบุหรี่ เลิกสูบ เพื่อมอบเป็นของขวัญแก่เด็กและครอบครัว เนื่องในวันเด็กแห่งชาติปีนี้ เนื่องจากผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ในครัวเรือนไทยกลุ่มที่จนที่สุด มีการติดบุหรี่และต้องเสียเงินไปจากการซื้อบุหรี่มาสูบถึงร้อยละ 8 ของรายได้ต่อปี แต่ไม่ยอมเสียเงินเพื่อนำมาใช้จ่ายในสิ่งของที่เป็นประโยชน์มาจุนเจือครอบครัว ทำให้ครอบครัวในกลุ่มยากจนมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำลงเรื่อยๆ เด็กไม่ได้รับสารอาหาร หรืออุปกรณ์และการศึกษาที่จะพัฒนาร่างกายและสมองที่เหมาะสม จึงเชิญชวนให้ชายในกลุ่มดังกล่าวร่วมกันมอบของขวัญให้เด็กและครอบครัวด้วยการถือโอกาสวันเด็กที่จะถึงนี้เป็นฤกษ์ดีในการเลิกสูบบุหรี่อย่างถาวร
อย่างไรก็ตาม ประชากรกลุ่มที่ยากจนที่สุดสามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จจำนวนมาก โดยอัตราการสูบบุหรี่ในประชากรกลุ่มนี้ได้ลดลงจากร้อยละ 69.3 ในปี พ.ศ. 2534 เหลือร้อยละ 47.9 ในปี พ.ศ. 2550 หรือลดลงร้อยละ 30 แต่อัตราการสูบบุหรี่ร้อยละ 47.9 ยังนับว่าสูงเกินไป หากเทียบกับอัตราเฉลี่ยของชายไทยที่เท่ากับ ร้อยละ 36.5 และของ กทม.ที่เท่ากับร้อยละ 24 ซึ่งการสูบบุหรี่ต่อไปนอกจากจะเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว เมื่อเกิดการเจ็บป่วยขึ้นจะยิ่งเป็นภาระต่อครอบครัวที่ยากจนอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ประชากรกลุ่มที่ยากจนที่สุดสามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จจำนวนมาก โดยอัตราการสูบบุหรี่ในประชากรกลุ่มนี้ได้ลดลงจากร้อยละ 69.3 ในปี พ.ศ. 2534 เหลือร้อยละ 47.9 ในปี พ.ศ. 2550 หรือลดลงร้อยละ 30 แต่อัตราการสูบบุหรี่ร้อยละ 47.9 ยังนับว่าสูงเกินไป หากเทียบกับอัตราเฉลี่ยของชายไทยที่เท่ากับ ร้อยละ 36.5 และของ กทม.ที่เท่ากับร้อยละ 24 ซึ่งการสูบบุหรี่ต่อไปนอกจากจะเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว เมื่อเกิดการเจ็บป่วยขึ้นจะยิ่งเป็นภาระต่อครอบครัวที่ยากจนอยู่แล้ว