ในการสัมมนาศักยภาพของสังคมไทยกับวิกฤตโลก นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า ปีหน้าไทยต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรง ประกอบกับปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ ทำให้การส่งออกขยายตัวลดลง ซึ่งรัฐบาลใหม่ต้องดำนเนินโยบายเพื่อลดผลกระทบ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีคนว่างงานในช่วงไตรมาสแรก ประมาณ 880,000 คน ไม่ถึง 2 ล้านคนอย่างที่วิตก แต่กลุ่มแรกที่รัฐบาลจะต้องดูแลคือ คนตกงานและเกษตรกร เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรปีหน้าจะปรับตัวลดลงด้วย ดังนั้นจึงต้องสร้างภูมิคุ้มกันอย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนออกนโยบายกะตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลดภาษีให้กับ SMEs ลงร้อยละ 5 เพราะว่าปีหน้ามีโอกาสที่ SMEs จะขาดทุน ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องจ่ายภาษีให้กับภาครัฐอยู่แล้ว
ขณะที่ นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า จะไม่เกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจไทย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือภาคการส่งออก เพราะว่าเศรษฐกิจใน 3 ประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และแถบอียู จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่วนนโยบายการเงินระยะต่อไปจะเน้นการดูแลอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก หลังจากปัญหาเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลงมาก เพราะว่าการที่เศรษฐกิจปีหน้าเติบโตเพียงร้อยละ 0 ถึง 2 ไม่เพียงพอต่อการดูแลคนยากจน
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนออกนโยบายกะตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลดภาษีให้กับ SMEs ลงร้อยละ 5 เพราะว่าปีหน้ามีโอกาสที่ SMEs จะขาดทุน ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องจ่ายภาษีให้กับภาครัฐอยู่แล้ว
ขณะที่ นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า จะไม่เกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจไทย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือภาคการส่งออก เพราะว่าเศรษฐกิจใน 3 ประเทศหลัก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และแถบอียู จะเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่วนนโยบายการเงินระยะต่อไปจะเน้นการดูแลอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก หลังจากปัญหาเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลงมาก เพราะว่าการที่เศรษฐกิจปีหน้าเติบโตเพียงร้อยละ 0 ถึง 2 ไม่เพียงพอต่อการดูแลคนยากจน