คณะอนุกรรมาธิการด้านการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภาร่วมกับคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภควุฒิสภา ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องร้องเรียนโครงการประมูลพื้นที่พัฒนาตลาดคลองเตย มาประชุมเพื่อไกล่เกลี่ยหาข้อยุติ
ผู้ร่วมประชุมประกอบด้วย ตัวแทนจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย บริษัทลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล บริษัทสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนชุมชนพัฒนาคลองเตย 79 จำกัด บริษัทโซวเคี่ยมเส็ง จำกัด สถานีตำรวจนครบาลท่าเรือ นางพนิดา ณ นคร ผู้ร้อง และตัวแทนพ่อค้าแม่ค้าจากตลาดคลองเตย โดยที่ประชุมได้รับทราบปัญหาและข้อเรียกร้องของพ่อค้าแม่ค้ารวมถึงบริษัทผู้รับสัมปทานดูแลตลาดเดิม ที่ต้องการให้ยกเลิกสัญญาการประมูลระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทยและบริษัทลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล
นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ ส.ว.ปทุมธานี ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการพัฒนาการเมืองฯ ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ได้กำหนดกรอบการประชุมเพื่อหาข้อยุติปัญหาความขัดแย้งให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถทำมาหากินได้ตามปกติ ส่วนปัญหาการทำร้ายร่างกายและเหตุระเบิดให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย จากนั้นที่ประชุมได้รับทราบข้อเรียกร้องของตัวแทนผู้เช่าและดูแลตลาดเดิม และพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย ยกเลิกสัญญาและการประมูลกับผู้เช่ารายใหม่คือ บริษัทลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล
ด้านนายพิเชษฐ มั่นคง รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า การท่าเรือฯ ไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ เนื่องจากไม่มีอำนาจ การยกเลิกสัญญาจะทำได้โดยรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ ซึ่งมีอำนาจสูงกว่า เป็นผู้สั่งการ โดยผู้ยกเลิกสัญญาต้องยอมรับผลทางกฎหมายที่จะตามมาด้วย ทั้งนี้ การเปิดประมูลได้ทำโดยโปร่งใส มีผู้ยื่นซองประมูลจำนวน 6 ราย โดยบริษัทลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล เป็นผู้ชนะการประมูลขณะที่อีก 5 บริษัท ที่เหลือไม่ติดใจร้องเรียนการประมูล
นายพิเชษฐ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นการท่าเรือฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอยืนยันว่าสัญญาที่การท่าเรือฯ ทำกับผู้รับสัมปทานรายใหม่ ได้กำหนดไว้ชัดเจนไม่ให้มีการขึ้นราคาค่าเช่าพื้นที่ในตลาด และจะไม่มีการรื้อถอนอาคารพาณิชย์ที่มีอยู่ ในสัญญาได้กำหนดหน้าที่ของผู้เช่าและการท่าเรือไว้ชัดเจน การบอกเลิกสัญญากับผู้เช่าเดิมและการเปิดประมูลได้ทำอย่างโปร่งใสตามขั้นตอน ทั้งนี้ การร่างสัญญาระหว่างการท่าเรือฯ กับบริษัทผู้เช่าใหม่ไม่ได้ผ่านการพิจารณาของอัยการสูงสุดเนื่องจากเป็นการทำสัญญาในงานที่การท่าเรือฯ เคยทำร่วมกับเอกชนรายอื่นมาก่อน
มีรายงานว่า การประชุมไม่สามารถตกลงกันได้ นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา ต้องให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทั้ง 5 คณะ ประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันอีกครั้งวันพรุ่งนี้ (25 ธ.ค.) โดยหากยังไม่สามารถหาข้อยุติในเรื่องนี้ กรรมาธิการฯ จะพิจารณาส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป
ผู้ร่วมประชุมประกอบด้วย ตัวแทนจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย บริษัทลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล บริษัทสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนชุมชนพัฒนาคลองเตย 79 จำกัด บริษัทโซวเคี่ยมเส็ง จำกัด สถานีตำรวจนครบาลท่าเรือ นางพนิดา ณ นคร ผู้ร้อง และตัวแทนพ่อค้าแม่ค้าจากตลาดคลองเตย โดยที่ประชุมได้รับทราบปัญหาและข้อเรียกร้องของพ่อค้าแม่ค้ารวมถึงบริษัทผู้รับสัมปทานดูแลตลาดเดิม ที่ต้องการให้ยกเลิกสัญญาการประมูลระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทยและบริษัทลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล
นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ ส.ว.ปทุมธานี ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการพัฒนาการเมืองฯ ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ได้กำหนดกรอบการประชุมเพื่อหาข้อยุติปัญหาความขัดแย้งให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถทำมาหากินได้ตามปกติ ส่วนปัญหาการทำร้ายร่างกายและเหตุระเบิดให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย จากนั้นที่ประชุมได้รับทราบข้อเรียกร้องของตัวแทนผู้เช่าและดูแลตลาดเดิม และพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย ยกเลิกสัญญาและการประมูลกับผู้เช่ารายใหม่คือ บริษัทลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล
ด้านนายพิเชษฐ มั่นคง รองผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า การท่าเรือฯ ไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ เนื่องจากไม่มีอำนาจ การยกเลิกสัญญาจะทำได้โดยรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ ซึ่งมีอำนาจสูงกว่า เป็นผู้สั่งการ โดยผู้ยกเลิกสัญญาต้องยอมรับผลทางกฎหมายที่จะตามมาด้วย ทั้งนี้ การเปิดประมูลได้ทำโดยโปร่งใส มีผู้ยื่นซองประมูลจำนวน 6 ราย โดยบริษัทลีเกิ้ล โปรเฟสชั่นแนล เป็นผู้ชนะการประมูลขณะที่อีก 5 บริษัท ที่เหลือไม่ติดใจร้องเรียนการประมูล
นายพิเชษฐ กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นการท่าเรือฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอยืนยันว่าสัญญาที่การท่าเรือฯ ทำกับผู้รับสัมปทานรายใหม่ ได้กำหนดไว้ชัดเจนไม่ให้มีการขึ้นราคาค่าเช่าพื้นที่ในตลาด และจะไม่มีการรื้อถอนอาคารพาณิชย์ที่มีอยู่ ในสัญญาได้กำหนดหน้าที่ของผู้เช่าและการท่าเรือไว้ชัดเจน การบอกเลิกสัญญากับผู้เช่าเดิมและการเปิดประมูลได้ทำอย่างโปร่งใสตามขั้นตอน ทั้งนี้ การร่างสัญญาระหว่างการท่าเรือฯ กับบริษัทผู้เช่าใหม่ไม่ได้ผ่านการพิจารณาของอัยการสูงสุดเนื่องจากเป็นการทำสัญญาในงานที่การท่าเรือฯ เคยทำร่วมกับเอกชนรายอื่นมาก่อน
มีรายงานว่า การประชุมไม่สามารถตกลงกันได้ นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา ต้องให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทั้ง 5 คณะ ประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันอีกครั้งวันพรุ่งนี้ (25 ธ.ค.) โดยหากยังไม่สามารถหาข้อยุติในเรื่องนี้ กรรมาธิการฯ จะพิจารณาส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป
