นายวรพล โสคติยานุรักษ์ รองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ว่า ต้องมีแผนฉุกเฉินแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพราะเศรษฐกิจในปีหน้ามีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3 จากปัญหาวิกฤตการเงินโลกและการเมืองในประเทศ โดยแผนฉุกเฉินนั้นรัฐบาลต้องดูแลธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ด้วยการจัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการ พร้อมทั้งเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และจัดสรรงบประมาณสำหรับให้หน่วยงานภาครัฐใช้ในการสัมมนาทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดเม็ดเงินและการจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
นายวรพล กล่าวด้วยว่า หากสถานการณ์การเมืองยังคงมีความวุ่นวายอาจส่งผลให้จีดีพีในปีหน้าไม่ขยายตัว ทั้งนี้ หากใครมาเป็นรัฐบาล ในฐานะภาคเอกชน ก็รับได้หากมาโดยระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจในปี 2552 อยากเรียกร้องให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ควรลดโควต้าทางการเมืองในตำแหน่งสำคัญลง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีความรู้ความสามารถภายนอกได้เข้ามาทำงาน เพราะในปีหน้าปัญหาเศรษฐกิจจะรุนแรงกว่าปี 2540
นายวรพล กล่าวด้วยว่า หากสถานการณ์การเมืองยังคงมีความวุ่นวายอาจส่งผลให้จีดีพีในปีหน้าไม่ขยายตัว ทั้งนี้ หากใครมาเป็นรัฐบาล ในฐานะภาคเอกชน ก็รับได้หากมาโดยระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจในปี 2552 อยากเรียกร้องให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ควรลดโควต้าทางการเมืองในตำแหน่งสำคัญลง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีความรู้ความสามารถภายนอกได้เข้ามาทำงาน เพราะในปีหน้าปัญหาเศรษฐกิจจะรุนแรงกว่าปี 2540