คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสมาชิกเครือข่ายสันติประชาธรรม ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง "ถึงเวลานำประเทศกลับสู่ระบบนิติรัฐ ยุติการชุมนุมของพันธมิตร ผู้นำทุกฝ่ายต้องควบคุมมวลชนของตนให้ตั้งอยู่ในความสงบและปราศจากอาวุธ" โดยมีเนื้อหาเรียกร้องสังคมไทยต้องไม่ยินยอมให้พันธมิตรฯ อยู่เหนือกฎหมายอีกต่อไป ที่ผ่านมาฝ่ายต่างๆ ได้ปล่อยปละละเลย จนถึงขั้นอุ้มชูให้พันธมิตรฯ เคลื่อนไหวในลักษณะที่ละเมิดกฎเกณฑ์ของบ้านเมืองมาตลอด เสมือนว่าพันธมิตรฯ คืออภิสิทธิ์ชนที่อยู่เหนือกฎหมาย แม้ว่าจะมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง แต่ผู้นำพันธมิตรฯ ต้องตระหนักเช่นกันว่า ระบบนิติรัฐคือหัวใจสำคัญของหลักการและกระบวนการประชาธิปไตย
แถลงการณ์ของเครือข่ายสันติประชาธรรม ย้ำด้วยว่า สังคมไทยต้องไม่ยินยอมให้วิธีการของพันธมิตรฯ กลายเป็นบรรทัดฐานของการเคลื่อนไหวทางการเมืองในอนาคต จึงถึงเวลาต้องยุติการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยเจ้าหน้าที่รัฐต้องหาทางนำประเทศคืนสู่ระบบนิติรัฐ โดยปฏิบัติตามคำสั่งของศาลแพ่งที่ให้ฝ่ายพันธมิตรฯ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ต้องดำเนินด้วยความละมุนละม่อม ตามหลักปฏิบัติสากลของการสลายการชุมนุม เพื่อป้องกันความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
นอกจากนี้ แถลงการณ์ ยังประณามการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย และเรียกร้องให้ยุติการสร้างความเกลียดชังระหว่างประชาชน 2 ฝ่าย เพราะมีแต่จะนำประเทศไปสู่การนองเลือด มิคสัญญี และรัฐประหารในที่สุด ทั้งนี้ ผู้นำทั้งพันธมิตรฯ และฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบให้มวลชนของตนตั้งอยู่ในความสงบ หยุดยั่วยุ ทำร้ายซึ่งกันและกัน และปราศจากการใช้อาวุธใดๆ ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ใช้ความรุนแรงอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยไม่เลือกฝักฝ่าย การเลือกปฏิบัติไม่เพียงแต่จะทำลายความน่าเชื่อถือของกลไกรัฐ แต่จะยังทำให้ความพยายามฟื้นฟูระบบนิติรัฐแก่สังคมไทยเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น
แถลงการณ์ของเครือข่ายสันติประชาธรรม ย้ำด้วยว่า สังคมไทยต้องไม่ยินยอมให้วิธีการของพันธมิตรฯ กลายเป็นบรรทัดฐานของการเคลื่อนไหวทางการเมืองในอนาคต จึงถึงเวลาต้องยุติการชุมนุมของพันธมิตรฯ โดยเจ้าหน้าที่รัฐต้องหาทางนำประเทศคืนสู่ระบบนิติรัฐ โดยปฏิบัติตามคำสั่งของศาลแพ่งที่ให้ฝ่ายพันธมิตรฯ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ต้องดำเนินด้วยความละมุนละม่อม ตามหลักปฏิบัติสากลของการสลายการชุมนุม เพื่อป้องกันความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
นอกจากนี้ แถลงการณ์ ยังประณามการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่าย และเรียกร้องให้ยุติการสร้างความเกลียดชังระหว่างประชาชน 2 ฝ่าย เพราะมีแต่จะนำประเทศไปสู่การนองเลือด มิคสัญญี และรัฐประหารในที่สุด ทั้งนี้ ผู้นำทั้งพันธมิตรฯ และฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบให้มวลชนของตนตั้งอยู่ในความสงบ หยุดยั่วยุ ทำร้ายซึ่งกันและกัน และปราศจากการใช้อาวุธใดๆ ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ใช้ความรุนแรงอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยไม่เลือกฝักฝ่าย การเลือกปฏิบัติไม่เพียงแต่จะทำลายความน่าเชื่อถือของกลไกรัฐ แต่จะยังทำให้ความพยายามฟื้นฟูระบบนิติรัฐแก่สังคมไทยเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น