นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มเชียงใหม่ 51 กลุ่มพิษณุโลก กลุ่มลำปาง กลุ่มราษีไศล และกลุ่มโคราช ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์ในเรื่องการเดินทางเข้า กทม.แต่คงไม่ใช่กลุ่มที่จะไปสนับสนุนนักการเมือง ซึ่งตนขอชี้แจงว่า พวกเราเป็นกลุ่มคนปกป้องประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ เราไม่เกี่ยวว่าสมัยหน้านักการเมืองพรรคไหนจะหาเสียงกันอย่างไร สาเหตุที่ต้องการเคลื่อนไหว เพราะอยากให้รัฐบาลทำงานได้ จึงได้ออกมาต่อสู้อยู่ในขณะนี้ โดยวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ พวกเราจะนัดเจอกันที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีตน และตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ ทั้ง 5 กลุ่มจะพูดคุยกันที่โรงแรมแกรนด์วโรรส จ.เชียงใหม่ เพื่อจะกำหนดทิศทางของกลุ่มประชาชนต่างจังหวัดที่รักประชาธิปไตย ที่ไม่มีการสนับสนุนจากพรรคการเมือง อยากชี้แจงให้ทราบว่า พวกเรากำลังเกิดความรู้สึกว่า วันนี้รัฐบาลและฝ่ายรักประชาธิปไตยถูกกดดันหนัก และพร้อมที่จะออกมาสนับสนุนให้รัฐบาลทำงานต่อ แต่ทั้งหมดเราก็ต้องมีทางออกให้กับสังคมด้วย
ส่วนที่จะเข้าไป กทม.กันนั้น เราอาจจะมีเวทีประชาชนที่อยู่ที่ท้องสนามหลวง ของกลุ่มคนรักประชาธิปไตย ที่ไม่เกี่ยวกับ นปช. หรือ นปก. หรือกลุ่มชุมชนคนแท็กซี่ ซึ่งเขาจะตั้งเวทีรอไว้ เพื่อให้พวกเราได้ชี้แจงกับประชาชนได้เข้าใจ แต่ผมก็เป็นห่วงสมาชิกที่จะเข้าไป กทม.เพราะเป็นช่วงที่กำลังเกี่ยวข้าวกัน และคิดว่าหากการเมืองไม่นิ่งจริงๆ หลังจากงานประจำปีทุ่งศรีเมือง ของ จ.อุดรธานี พวกเราคงจะเดินหน้าอย่างเต็มที่
นายขวัญชัย กล่าวอีกว่า การนำสมาชิกเข้าไป กทม.แล้วจะเกิดความรุนแรงหรือไม่นั้นคงไม่มี เพราะเราไม่ได้เตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์อะไรไป แต่เราได้พูดคุยกันไว้ว่า อาจจะทำบั้งไฟไปกลุ่มละ 50 บั้ง ตามประเพณีของคนอีสาน ซึ่งหากโดนจับดำเนินคดีคงจะไม่หนัก โดยให้สมาชิกช่วยกันทำคนละบั้ง นั่นคือสิ่งที่จะเตรียมลงไป แต่อาวุธเราไม่มี ที่นำบั้งไฟไปเผื่อไว้จุดใส่ไปที่ทำเนียบรัฐบาลที่พันธมิตรฯ ยึดเป็นที่ชุมนุม เพราะตอนนี้ทำเนียบก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร
ทั้งนี้ ขอฝากไปยังนักวิชาการหรือองค์กรต่างๆ ใน กทม.ที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ยุติความรุนแรง โจมตีตำรวจว่าใช้กำลังและอาวุธ อ่านข่าวจนกลายเป็นความเครียด ทุกวันนี้ตำรวจไม่รู้จะทำอย่างไร เรียกว่าเป็นคนที่ไม่มีชีวิตไปแล้ว โดนกระทืบ โดนทุบ โดนตี ขนาดรองผู้บังคับการนครบาล 4 ยังถูกถีบ โดนด่า โดยถ่มน้ำลายใส่ ศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ หายไปหมดแล้ว นี่คือสิ่งที่พวกเราเป็นห่วง และอยากจะเห็นบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน
ส่วนที่จะเข้าไป กทม.กันนั้น เราอาจจะมีเวทีประชาชนที่อยู่ที่ท้องสนามหลวง ของกลุ่มคนรักประชาธิปไตย ที่ไม่เกี่ยวกับ นปช. หรือ นปก. หรือกลุ่มชุมชนคนแท็กซี่ ซึ่งเขาจะตั้งเวทีรอไว้ เพื่อให้พวกเราได้ชี้แจงกับประชาชนได้เข้าใจ แต่ผมก็เป็นห่วงสมาชิกที่จะเข้าไป กทม.เพราะเป็นช่วงที่กำลังเกี่ยวข้าวกัน และคิดว่าหากการเมืองไม่นิ่งจริงๆ หลังจากงานประจำปีทุ่งศรีเมือง ของ จ.อุดรธานี พวกเราคงจะเดินหน้าอย่างเต็มที่
นายขวัญชัย กล่าวอีกว่า การนำสมาชิกเข้าไป กทม.แล้วจะเกิดความรุนแรงหรือไม่นั้นคงไม่มี เพราะเราไม่ได้เตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์อะไรไป แต่เราได้พูดคุยกันไว้ว่า อาจจะทำบั้งไฟไปกลุ่มละ 50 บั้ง ตามประเพณีของคนอีสาน ซึ่งหากโดนจับดำเนินคดีคงจะไม่หนัก โดยให้สมาชิกช่วยกันทำคนละบั้ง นั่นคือสิ่งที่จะเตรียมลงไป แต่อาวุธเราไม่มี ที่นำบั้งไฟไปเผื่อไว้จุดใส่ไปที่ทำเนียบรัฐบาลที่พันธมิตรฯ ยึดเป็นที่ชุมนุม เพราะตอนนี้ทำเนียบก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร
ทั้งนี้ ขอฝากไปยังนักวิชาการหรือองค์กรต่างๆ ใน กทม.ที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ยุติความรุนแรง โจมตีตำรวจว่าใช้กำลังและอาวุธ อ่านข่าวจนกลายเป็นความเครียด ทุกวันนี้ตำรวจไม่รู้จะทำอย่างไร เรียกว่าเป็นคนที่ไม่มีชีวิตไปแล้ว โดนกระทืบ โดนทุบ โดนตี ขนาดรองผู้บังคับการนครบาล 4 ยังถูกถีบ โดนด่า โดยถ่มน้ำลายใส่ ศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ หายไปหมดแล้ว นี่คือสิ่งที่พวกเราเป็นห่วง และอยากจะเห็นบ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน
