สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานความคืบหน้าเหตุอาคารเรียนของโรงเรียนคริสต์ลา โปรเมส สูง 3 ชั้นในย่านเปเตียงวิลล์ พังถล่มลงมาอย่างไม่คาดฝันเมื่อเช้าวันศุกร์ (7) ส่งผลให้บ้านเรือนใกล้เคียงได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีนักเรียนและครูติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังจำนวนมากนั้น ล่าสุดหน่วยกู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 82 รายแล้ว ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 107 คน และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้น
จนถึงขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าขณะเกิดเหตุมีครูและนักเรียนอยู่ในอาคารเรียนดังกล่าวจำนวนเท่าไร ซึ่งจากข้อมูลพบว่า โรงเรียนดังกล่าวมีนักเรียนอายุระหว่าง 3-20 ปี จำนวนทั้งสิ้น 700 คน
ขณะที่ประธานาธิบดีเรเน เปรวัลของเฮติ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะพบผู้เสียชีวิตอีกกี่คน
“เมื่อเช้าที่ผ่านมาเราพบห้องเรียนหนึ่งซึ่งมีนักเรียนและครู 21 คนอยู่ในห้อง และทั้งหมดเสียชีวิต” ประธานาธิบดีเปรวัลกล่าวหลังเดินทางไปตรวจจุดเกิดเหตุ
มีรายงานว่า ขณะเกิดเหตุคนงานก่อสร้างกำลังต่อเติมอาคารเรียนดังกล่าว
หลังเกิดเหตุบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ทราบข่าวได้เดินทางมาเฝ้ารอฟังข่าวของลูกหลาน พร้อมกับช่วยกันรื้อซากปรักหักพังด้วยความหวังที่จะได้เจอผู้รอดชีวิต ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของครูและนักเรียนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง รวมถึงผู้ปกครองที่ดังระงมไปทั่วบริเวณ ขณะที่บางคนไม่พอใจการช่วยเหลือที่ดำเนินไปอย่างล่าช้า
ด้านตำรวจเฮติ เจ้าหน้าที่กาชาด และเจ้าหน้าที่จากกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต โดยมีหน่วยกู้ภัยจากฝรั่งเศส 15 นายเดินทางจากเกาะมาตินิกของฝรั่งเศสที่อยู่ใกล้กัน มาร่วมค้นหาด้วย ขณะที่สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (ยูเอสเอด) ได้ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางมาที่เฮติแล้วเช่นกัน
“ฉันยังไม่ได้ข่าวของลูกๆ ฉันเลย” มารี ฟลอเร แม่ลูกสามกล่าวทั้งน้ำตา
ขณะที่ชายอีกคนหนึ่งร้องตะโกนหาลูกสาวซึ่งติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง โดยระบุว่าได้รับโทรศัพท์จากลูก และมั่นใจว่าลูกของเขายังมีชีวิตอยู่
ก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันศุกร์ (7) เจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตกว่า 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังมีนักเรียนอีกจำนวนมากที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังดังกล่าว
ส่วนที่โรงพยาบาล กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนต้องเร่งให้การรักษาผู้บาดเจ็บตลอดทั้งคืน โดยเหยื่อที่ถูกส่งมารักษาอาการบาดเจ็บเสียชีวิต 8 ราย แต่ยังโชคดีที่มีผู้รอดชีวิต
“เด็ก 7 ขวบ 2 คน คนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชาย อีกคนเป็นเด็กผู้หญิงได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัยแล้ว โดยหนึ่งในนี้ได้เข้ารับการผ่าตัดเมื่อคืนนี้ (7)” ล็อกฮาร์ด แพทย์คนหนึ่งกล่าว
โอลิวิเยร์ บ็อกเนียต เจ้าหน้าที่กาชาดชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า โอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตขณะนี้เหลือน้อยเต็มที เนื่องจากการค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก
ขณะที่วุฒิสมาชิกคนหนึ่งของเฮติให้คำมั่นว่าจะเข้าไปสอบสวนรายละเอียดด้านการก่อสร้างของโรงเรียน และจะทำการสำรวจอาคารเรียนของโรงเรียนอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฎกรรมซ้ำรอยขึ้นอีก
“โรงเรียนแห่งนี้ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน และเรากำลังจะขออนุญาตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสำรวจโรงเรียนอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงต่อไป” อีวอง บีเซเรธกล่าว
จนถึงขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าขณะเกิดเหตุมีครูและนักเรียนอยู่ในอาคารเรียนดังกล่าวจำนวนเท่าไร ซึ่งจากข้อมูลพบว่า โรงเรียนดังกล่าวมีนักเรียนอายุระหว่าง 3-20 ปี จำนวนทั้งสิ้น 700 คน
ขณะที่ประธานาธิบดีเรเน เปรวัลของเฮติ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะพบผู้เสียชีวิตอีกกี่คน
“เมื่อเช้าที่ผ่านมาเราพบห้องเรียนหนึ่งซึ่งมีนักเรียนและครู 21 คนอยู่ในห้อง และทั้งหมดเสียชีวิต” ประธานาธิบดีเปรวัลกล่าวหลังเดินทางไปตรวจจุดเกิดเหตุ
มีรายงานว่า ขณะเกิดเหตุคนงานก่อสร้างกำลังต่อเติมอาคารเรียนดังกล่าว
หลังเกิดเหตุบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ทราบข่าวได้เดินทางมาเฝ้ารอฟังข่าวของลูกหลาน พร้อมกับช่วยกันรื้อซากปรักหักพังด้วยความหวังที่จะได้เจอผู้รอดชีวิต ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของครูและนักเรียนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง รวมถึงผู้ปกครองที่ดังระงมไปทั่วบริเวณ ขณะที่บางคนไม่พอใจการช่วยเหลือที่ดำเนินไปอย่างล่าช้า
ด้านตำรวจเฮติ เจ้าหน้าที่กาชาด และเจ้าหน้าที่จากกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต โดยมีหน่วยกู้ภัยจากฝรั่งเศส 15 นายเดินทางจากเกาะมาตินิกของฝรั่งเศสที่อยู่ใกล้กัน มาร่วมค้นหาด้วย ขณะที่สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (ยูเอสเอด) ได้ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางมาที่เฮติแล้วเช่นกัน
“ฉันยังไม่ได้ข่าวของลูกๆ ฉันเลย” มารี ฟลอเร แม่ลูกสามกล่าวทั้งน้ำตา
ขณะที่ชายอีกคนหนึ่งร้องตะโกนหาลูกสาวซึ่งติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง โดยระบุว่าได้รับโทรศัพท์จากลูก และมั่นใจว่าลูกของเขายังมีชีวิตอยู่
ก่อนหน้านี้เมื่อคืนวันศุกร์ (7) เจ้าหน้าที่พบศพผู้เสียชีวิตกว่า 50 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังมีนักเรียนอีกจำนวนมากที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังดังกล่าว
ส่วนที่โรงพยาบาล กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนต้องเร่งให้การรักษาผู้บาดเจ็บตลอดทั้งคืน โดยเหยื่อที่ถูกส่งมารักษาอาการบาดเจ็บเสียชีวิต 8 ราย แต่ยังโชคดีที่มีผู้รอดชีวิต
“เด็ก 7 ขวบ 2 คน คนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชาย อีกคนเป็นเด็กผู้หญิงได้รับการช่วยเหลือจนปลอดภัยแล้ว โดยหนึ่งในนี้ได้เข้ารับการผ่าตัดเมื่อคืนนี้ (7)” ล็อกฮาร์ด แพทย์คนหนึ่งกล่าว
โอลิวิเยร์ บ็อกเนียต เจ้าหน้าที่กาชาดชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า โอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตขณะนี้เหลือน้อยเต็มที เนื่องจากการค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก
ขณะที่วุฒิสมาชิกคนหนึ่งของเฮติให้คำมั่นว่าจะเข้าไปสอบสวนรายละเอียดด้านการก่อสร้างของโรงเรียน และจะทำการสำรวจอาคารเรียนของโรงเรียนอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฎกรรมซ้ำรอยขึ้นอีก
“โรงเรียนแห่งนี้ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน และเรากำลังจะขออนุญาตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสำรวจโรงเรียนอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงต่อไป” อีวอง บีเซเรธกล่าว
