นายแพทย์วันชัย วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่กองบัญชาการกองทัพบก ช่วงบ่ายวันนี้ (6 พ.ย.) ว่า ไม่ได้เสนออะไรต่อผู้บัญชาการทหารบก แต่ได้สอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ศูนย์สันติวิธีฯ ดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะรณรงค์ยุติความรุนแรง และสานเสวนาเพื่อสันติธรรม ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกเห็นด้วยและชื่นชม พร้อมให้การสนับสนุนทั้งด้านเครือข่ายวิทยุที่มีอยู่กว่า 120 แห่ง และสถานีโทรทัศน์ หากทางศูนย์สันติวิธีฯ ต้องการรณรงค์ผ่านสื่อของกองทัพ ขณะเดียวกันหากต้องการรณรงค์ในแต่ละพื้นที่ กองทัพบกพร้อมให้กำลังพลออกมาช่วยเดินรณรงค์ รวมทั้งเปิดเวทีต่าง ๆ ในพื้นที่ของกองทัพบก
นายแพทย์วันชัย กล่าวอีกว่า เรื่องความยุติความรุนแรง พล.อ.อนุพงษ์ ให้หลักประกันเลยว่า จะดูแลไม่ให้ประชาชนยกพวกตีกันจนเกิดความสูญเสีย กองทัพบกคงนิ่งดูดายไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เป็นการออกมาช่วยดูแลในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ซึ่งได้ประสานกับทางตำรวจไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการสานเสวนาหรือเจรจา พล.อ.อนุพงษ์ อยากให้เกิดขึ้น โดยหากกองทัพบกมีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้บัญชาการทหารบกจะต้องเข้ามามีส่วนร่วม ท่านก็พร้อม การที่ได้เข้าพบในวันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ให้กำลังใจ ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะจากการที่ได้พบมาแล้ว 3 องค์กร ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และกองทัพ เห็นด้วยกับสิ่งที่ศูนย์สันติวิธีฯ ทำและให้กำลังใจด้วย
ทั้งนี้ สำหรับการเดินทางไปพบกับผู้บัญชาการเหล่าทัพอื่นๆ ทั้งตำรวจและทหาร รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสาน หากเวลาตรงกันก็พร้อมเข้าพบทันที เพราะแต่ละคนก็มีภารกิจ ขณะเดียวกันต่างก็มีแนวคิดเป็นของตนเอง ซึ่งเกรงว่าหากมาพูดคุยกันแล้วจะถูกมองว่าเป็นการพ่ายแพ้หรือไม่ เราจึงต้องให้เวลา และทำความเข้าใจว่า การสานเสวนากันนั้นไม่ได้เอาแพ้-ชนะกัน และไม่ได้เป็นการยอมแพ้ แต่เป็นการร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม การที่พันธมิตรฯ มีท่าทีพร้อมจะเจรจาโดยตรงกับรัฐบาลนั้น ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี
นายแพทย์วันชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากแนวทางยุติความรุนแรง และสานเสวนาแล้ว การทำให้คนไทยที่มีความคิดเห็นแตกแยกกันมากขณะนี้กลับมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนั้น เป็นกระบวนการที่เราหวังและฝันจะให้เกิดขึ้น สิ่งงที่เรากำลังขับเคลื่อนในปัจจุบัน ถือเป็นโอกาสที่จะให้กลุ่มที่ทำเรื่องสันติวิธีได้มีเวทีออกมาพูดต่อสังคมว่าความหมายของคำว่าสมานฉันท์และสันติวิธีคืออะไร ซึ่งสมานฉันท์นั้นมาจากภาษาอังกฤษที่แปลว่า “ฟื้นคืนดี” ซึ่งจะทำได้ก็ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ต้องมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ต้องใช้ความกรุณา และต้องสร้างความยุติธรรมไม่เฉพาะทางกฎหมายเท่านั้น แต่ต้องยุติธรรมทางสังคมด้วย เราเข้าใจว่าเรื่องความขัดแย้งนั้น อยู่ ๆ จะให้เขามานั่งคุยกัน คงไม่ง่าย เพราะฉะนั้นงานนี้จึงไม่ง่ายแต่ไม่ใช่มองไม่เห็นทาง เราจึงไม่ท้อถอย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดความขัดแย้งที่ไหน หรือรุนแรงที่ไหน สุดท้ายต้องมาจบที่การเจรจา
นายแพทย์วันชัย กล่าวอีกว่า เรื่องความยุติความรุนแรง พล.อ.อนุพงษ์ ให้หลักประกันเลยว่า จะดูแลไม่ให้ประชาชนยกพวกตีกันจนเกิดความสูญเสีย กองทัพบกคงนิ่งดูดายไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เป็นการออกมาช่วยดูแลในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ซึ่งได้ประสานกับทางตำรวจไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการสานเสวนาหรือเจรจา พล.อ.อนุพงษ์ อยากให้เกิดขึ้น โดยหากกองทัพบกมีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้บัญชาการทหารบกจะต้องเข้ามามีส่วนร่วม ท่านก็พร้อม การที่ได้เข้าพบในวันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ให้กำลังใจ ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะจากการที่ได้พบมาแล้ว 3 องค์กร ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และกองทัพ เห็นด้วยกับสิ่งที่ศูนย์สันติวิธีฯ ทำและให้กำลังใจด้วย
ทั้งนี้ สำหรับการเดินทางไปพบกับผู้บัญชาการเหล่าทัพอื่นๆ ทั้งตำรวจและทหาร รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสาน หากเวลาตรงกันก็พร้อมเข้าพบทันที เพราะแต่ละคนก็มีภารกิจ ขณะเดียวกันต่างก็มีแนวคิดเป็นของตนเอง ซึ่งเกรงว่าหากมาพูดคุยกันแล้วจะถูกมองว่าเป็นการพ่ายแพ้หรือไม่ เราจึงต้องให้เวลา และทำความเข้าใจว่า การสานเสวนากันนั้นไม่ได้เอาแพ้-ชนะกัน และไม่ได้เป็นการยอมแพ้ แต่เป็นการร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม การที่พันธมิตรฯ มีท่าทีพร้อมจะเจรจาโดยตรงกับรัฐบาลนั้น ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี
นายแพทย์วันชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากแนวทางยุติความรุนแรง และสานเสวนาแล้ว การทำให้คนไทยที่มีความคิดเห็นแตกแยกกันมากขณะนี้กลับมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนั้น เป็นกระบวนการที่เราหวังและฝันจะให้เกิดขึ้น สิ่งงที่เรากำลังขับเคลื่อนในปัจจุบัน ถือเป็นโอกาสที่จะให้กลุ่มที่ทำเรื่องสันติวิธีได้มีเวทีออกมาพูดต่อสังคมว่าความหมายของคำว่าสมานฉันท์และสันติวิธีคืออะไร ซึ่งสมานฉันท์นั้นมาจากภาษาอังกฤษที่แปลว่า “ฟื้นคืนดี” ซึ่งจะทำได้ก็ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ต้องมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ต้องใช้ความกรุณา และต้องสร้างความยุติธรรมไม่เฉพาะทางกฎหมายเท่านั้น แต่ต้องยุติธรรมทางสังคมด้วย เราเข้าใจว่าเรื่องความขัดแย้งนั้น อยู่ ๆ จะให้เขามานั่งคุยกัน คงไม่ง่าย เพราะฉะนั้นงานนี้จึงไม่ง่ายแต่ไม่ใช่มองไม่เห็นทาง เราจึงไม่ท้อถอย เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดความขัดแย้งที่ไหน หรือรุนแรงที่ไหน สุดท้ายต้องมาจบที่การเจรจา
