รายงานและสถิติของหอเอกสารสำคัญแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนท่วมท้นมากสุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังได้รับคะแนนโดยรวมคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ จากพรรคเดโมแครต (61.1 เปอร์เซ็นต์) นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีลินดอน บี จอห์นสันก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อปี 1964
ขณะที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ซีบีเอส และฟ็อกซ์นิวส์ รายงานว่า จนถึงขณะนี้โอบามาได้คะแนนเสียงเลือกตั้งจากชาวอเมริกัน หรือป๊อปปูลาร์โหวตทั้งสิ้น 63.25 ล้านเสียง หรือ 52 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจอห์น แมคเคน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ได้คะแนนตามหลังอยู่ที่ 55.90 ล้านเสียง หรือ 46 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ผลการเลือกตั้งเมื่อเวลา 13.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น (01.30 น.ตามเวลาในไทย) ซึ่งมีการนับคะแนนเสร็จสิ้นไปแล้ว 48 รัฐ รวมถึงดิสทริกต์ ออฟ โคลัมเบีย ปรากฎว่า โอบามาได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง หรืออิเลกทอรัลโหวตไปแล้วทั้งสิ้น 349 เสียง ขณะที่แมคเคนได้ไปเพียง 163 เสียง โดยรัฐที่ยังไม่มีการประกาศผล ได้แก่ มิสซูรี และนอร์ท แคโรไลนา ซึ่งคาดว่าแมคเคนน่าจะเป็นผู้ชนะในรัฐมิสซูรี และหากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะทำให้เขามีคะแนนอิเลกทอรัลโหวตเพิ่มเป็น 174 เสียง ขณะที่โอบามาซึ่งกำลังมีคะแนนนำในรัฐนอร์ท แคโรไลนา จะได้คะแนนอิเลกทอรัลโหวตเพิ่มเป็น 364 เสียงหากเขาได้รับชัยชนะในรัฐดังกล่าว
ตามระบบเลือกตั้งของสหรัฐฯ รัฐต่างๆ จะได้รับการจัดสรรจำนวนคณะผู้เลือกตั้งตามสัดส่วนของประชากร ซึ่งรัฐส่วนใหญ่จากทั้งหมด 50 รัฐ กำหนดให้ผู้ชนะที่ได้คะแนนป๊อปปูลาร์โหวตมากกว่าคู่แข่งเป็นผู้ได้คะแนนอิเลกทอรัลโหวตไปทั้งหมด ดังนั้นผู้ชนะป๊อปปูลาร์โหวตจึงไม่ใช่ผู้ที่จะได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่เสมอไป อย่างการเลือกตั้งเมื่อปี 2000 ซึ่งประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช จากพรรครีพับลิกัน เอาชนะอัล กอร์ คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ไปได้ ทั้งๆ ที่มีคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตน้อยกว่า
ขณะที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ซีบีเอส และฟ็อกซ์นิวส์ รายงานว่า จนถึงขณะนี้โอบามาได้คะแนนเสียงเลือกตั้งจากชาวอเมริกัน หรือป๊อปปูลาร์โหวตทั้งสิ้น 63.25 ล้านเสียง หรือ 52 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจอห์น แมคเคน คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ได้คะแนนตามหลังอยู่ที่ 55.90 ล้านเสียง หรือ 46 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ผลการเลือกตั้งเมื่อเวลา 13.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น (01.30 น.ตามเวลาในไทย) ซึ่งมีการนับคะแนนเสร็จสิ้นไปแล้ว 48 รัฐ รวมถึงดิสทริกต์ ออฟ โคลัมเบีย ปรากฎว่า โอบามาได้จำนวนคณะผู้เลือกตั้ง หรืออิเลกทอรัลโหวตไปแล้วทั้งสิ้น 349 เสียง ขณะที่แมคเคนได้ไปเพียง 163 เสียง โดยรัฐที่ยังไม่มีการประกาศผล ได้แก่ มิสซูรี และนอร์ท แคโรไลนา ซึ่งคาดว่าแมคเคนน่าจะเป็นผู้ชนะในรัฐมิสซูรี และหากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะทำให้เขามีคะแนนอิเลกทอรัลโหวตเพิ่มเป็น 174 เสียง ขณะที่โอบามาซึ่งกำลังมีคะแนนนำในรัฐนอร์ท แคโรไลนา จะได้คะแนนอิเลกทอรัลโหวตเพิ่มเป็น 364 เสียงหากเขาได้รับชัยชนะในรัฐดังกล่าว
ตามระบบเลือกตั้งของสหรัฐฯ รัฐต่างๆ จะได้รับการจัดสรรจำนวนคณะผู้เลือกตั้งตามสัดส่วนของประชากร ซึ่งรัฐส่วนใหญ่จากทั้งหมด 50 รัฐ กำหนดให้ผู้ชนะที่ได้คะแนนป๊อปปูลาร์โหวตมากกว่าคู่แข่งเป็นผู้ได้คะแนนอิเลกทอรัลโหวตไปทั้งหมด ดังนั้นผู้ชนะป๊อปปูลาร์โหวตจึงไม่ใช่ผู้ที่จะได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่เสมอไป อย่างการเลือกตั้งเมื่อปี 2000 ซึ่งประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช จากพรรครีพับลิกัน เอาชนะอัล กอร์ คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ไปได้ ทั้งๆ ที่มีคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตน้อยกว่า