บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างรุนแรงในไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ที่หดตัวลงถึงร้อยละ 0.3 ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2544 สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของวิกฤตการเงินที่ได้ส่งผลกระทบไปสู่ภาคเศรษฐกิจ และทำให้นโยบายเศรษฐกิจของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างนายบารัก โอบามา ตัวแทนพรรคเดโมแครต และนายจอห์น แมคเคน ตัวแทนพรรครีพับริกัน เป็นประเด็นสำคัญที่ชาวอเมริกันใช้ในการตัดสินใจเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 4 พฤศจิกายน 2551
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีความเห็น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโอบามา จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นและสูงกว่านโยบายเศรษฐกิจของนายแมคเคน จากพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะแผนเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐของนายโอบามา จะทำให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณอย่างหนักมากกว่าแผนของนายแมคเคน นอกจากนี้ นโยบายลดภาษีของโอบามา ที่จะลดภาษีให้กับกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงผู้มีรายได้ต่ำคิดเป็นร้อยละ 95 ของผู้มีรายได้ทั้งหมดจะทำให้รายรับของรัฐบาลลดลงสวนทางกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโอบามา น่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของนายแมคเคน เพราะชาวอเมริกันที่มีรายได้ปานกลางจนถึงรายได้ต่ำมีแนวโน้มที่จะบริโภคมากขึ้นหากมีรายได้เพิ่มขึ้น
ส่วนนโยบายการค้าของนายโอบามา มีแนวโน้มกีดกันทางการค้ามากกว่านโยบายการค้าของนายแมคเคน เพราะพรรคเดโมแครตมุ่งกีดกันการค้าการลงทุนและคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศเพื่อปกป้องแรงงานชาวอเมริกันซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรค
นอกจากนี้ แนวนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการค้าของนายโอบามา และนายแมคเคน จะทำให้การส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทาย เนื่องจากความต้องการสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยจากต่างประเทศรวมทั้งไทยน่าจะปรับตัวลงตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่ยังเผชิญกับปัจจัยลบ การส่งออกของไทยอาจได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม หากการขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้ง 2 พรรคที่มุ่งใช้จ่ายและลดภาษี
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีความเห็น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโอบามา จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นและสูงกว่านโยบายเศรษฐกิจของนายแมคเคน จากพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะแผนเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐของนายโอบามา จะทำให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณอย่างหนักมากกว่าแผนของนายแมคเคน นอกจากนี้ นโยบายลดภาษีของโอบามา ที่จะลดภาษีให้กับกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงผู้มีรายได้ต่ำคิดเป็นร้อยละ 95 ของผู้มีรายได้ทั้งหมดจะทำให้รายรับของรัฐบาลลดลงสวนทางกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโอบามา น่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของนายแมคเคน เพราะชาวอเมริกันที่มีรายได้ปานกลางจนถึงรายได้ต่ำมีแนวโน้มที่จะบริโภคมากขึ้นหากมีรายได้เพิ่มขึ้น
ส่วนนโยบายการค้าของนายโอบามา มีแนวโน้มกีดกันทางการค้ามากกว่านโยบายการค้าของนายแมคเคน เพราะพรรคเดโมแครตมุ่งกีดกันการค้าการลงทุนและคุ้มครองอุตสาหกรรมในประเทศเพื่อปกป้องแรงงานชาวอเมริกันซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของพรรค
นอกจากนี้ แนวนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการค้าของนายโอบามา และนายแมคเคน จะทำให้การส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทาย เนื่องจากความต้องการสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยจากต่างประเทศรวมทั้งไทยน่าจะปรับตัวลงตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่ยังเผชิญกับปัจจัยลบ การส่งออกของไทยอาจได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม หากการขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้ง 2 พรรคที่มุ่งใช้จ่ายและลดภาษี