ตำรวจนครบาลประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุม พร้อมรายงานเหตุปาประทัดยักษ์ใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่า เกิดเหตุบริเวณแยกประชาเกษม ที่พันธมิตรฯ วางยางรถยนต์กั้นไว้ จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนที่ไม่พอใจพันธมิตรฯ ส่วนรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุนั้นมีข้อมูลว่า มีลักษณะคล้ายรถเบนซ์ ทะเบียน 4444 ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาเจ้าของรถ
ส่วนความคืบหน้าคดีปาระเบิดใส่พันธมิตรฯ เมื่อวานนี้ หลักฐานจากกล้องวงจรปิดหน้าองค์การสหประชาชาติ และตามแยกต่างๆ นั้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด
ขณะที่การวางกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.) ตำรวจนครบาลได้เตรียมกำลังจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 จำนวน 3 กองร้อย 450 นาย และจากหน่วยอื่นๆ รวมประมาณ 624 นาย ทั้งนี้ มีแผนรักษาความปลอดภัยตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป โดยจะปิดพื้นที่รอบสนามกีฬาทั้งหมด ตั้งแต่เวลา 03.00 น. จนถึงเวลาเปิดให้เข้า
สำหรับการตรวจจะแบ่งเป็น 3 วงรอบ โดยรอบแรกจะตรวจทั้งคนและรถ เมื่อเข้าไปรอบกลาง ทุกคนจะต้องเดินผ่านเครื่องตรวจสัญญาณ ก่อนที่จะเข้าถึงอัฒจันทร์ นอกจากนี้ ยังจะมีเครื่องสแกนเนอร์ตรวจอาวุธ พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยสังเกตการณ์ตลอดเวลา
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า ด้านการข่าวยังไม่พบสัญญาณเหตุความรุนแรง แต่ตำรวจก็จะเฝ้าระวังทุกจุด รวมทั้งได้สั่งให้ตำรวจพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มความเข้มงวดในการตั้งจุดสกัดและตรวจค้นอาวุธ เพื่อป้องกันการนำไปก่อความรุนแรง
ส่วนความคืบหน้าคดีปาระเบิดใส่พันธมิตรฯ เมื่อวานนี้ หลักฐานจากกล้องวงจรปิดหน้าองค์การสหประชาชาติ และตามแยกต่างๆ นั้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัยแต่อย่างใด
ขณะที่การวางกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.) ตำรวจนครบาลได้เตรียมกำลังจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 จำนวน 3 กองร้อย 450 นาย และจากหน่วยอื่นๆ รวมประมาณ 624 นาย ทั้งนี้ มีแผนรักษาความปลอดภัยตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป โดยจะปิดพื้นที่รอบสนามกีฬาทั้งหมด ตั้งแต่เวลา 03.00 น. จนถึงเวลาเปิดให้เข้า
สำหรับการตรวจจะแบ่งเป็น 3 วงรอบ โดยรอบแรกจะตรวจทั้งคนและรถ เมื่อเข้าไปรอบกลาง ทุกคนจะต้องเดินผ่านเครื่องตรวจสัญญาณ ก่อนที่จะเข้าถึงอัฒจันทร์ นอกจากนี้ ยังจะมีเครื่องสแกนเนอร์ตรวจอาวุธ พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยสังเกตการณ์ตลอดเวลา
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่า ด้านการข่าวยังไม่พบสัญญาณเหตุความรุนแรง แต่ตำรวจก็จะเฝ้าระวังทุกจุด รวมทั้งได้สั่งให้ตำรวจพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มความเข้มงวดในการตั้งจุดสกัดและตรวจค้นอาวุธ เพื่อป้องกันการนำไปก่อความรุนแรง
