รอง ผบช.น.ปัด เหตุรถเบนซ์ สีดำ ทะเบียน 444 ปาระเบิดใส่พันธมิตรฯ เป็นแค่ประทัดเล็กๆ ยัน ไม่มีการปาระเบิด เชื่อ เป็นการก่อกวน ส่วนเหตุหมาลอบกัดปาระเบิดใส่พันธมิตรบริเวณสะพานมัฆวาน ตร.ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิด รวมถึงชนิดของวัตถุระเบิด
วันนี้ (31 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น.กล่าวถึงเหตุโยนประทัดบริเวณแยกวัดมกุฎกษัตริย์ ใกล้การชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.ว่า เป็นข่าวจากเว็บไซต์ผู้จัดการ โดยขณะนี้ ตำรวจตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีดำ ทะเบียน 444 อยู่ แต่การจากการตรวจสอบเหตุ ไม่มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นแต่อย่างใด และไม่ได้รับรายงาน มีแต่เสียงประทัดเล็กๆ ดังขึ้นมา 1 นัดเท่านั้น ซึ่งอาจจะก่อกวนให้เกิดความกลัวได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีการปาระเบิด
รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าเหตุปาระเบิดบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อเวลา 03.20 น.วันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุพร กล่าวว่า ทางฝ่ายสืบสวนกำลังประสานงานหน่วยงานในบริเวณดังกล่าว เพื่อขอตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดอยู่ อย่างไรก็ตาม แม้จะกล้องวงจรปิดมีหลายแห่ง บางแห่งก็ปิดอยู่ เรากำลังตรวจสอบอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลของการตรวจสอบว่า เป็นวัตถุระเบิดชนิดใดต้องรอจากกองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง เพื่อความแน่ชัด ตอนนี้ทราบเบื้องต้นว่าเป็นระเบิดสังหาร แต่จะเป็นชนิดใด ประเภทใดต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐานก่อน
ด้าน พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต กล่าวถึงคดีที่ นายสังเวียน รุจิโมระ อายุ 46 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่คิ้วขวา ทะลุท้ายทอย เสียชีวิตอยู่บริเวณแยกมิสกวัน ว่าหลังเกิดเหตุได้สอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณดังกล่าวไปแล้ว 3-4 ปาก ซึ่งทั้งหมดให้การตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ตายซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาสุรา เข้าไปด่าทอใส่กลุ่มพันธมิตรก่อน จากนั้นก็มีการด่าทอกันไปมา ก่อนที่จะมีเสียงคล้ายประทัดดังขึ้นหลายครั้ง และเห็นผู้ตายวิ่งไปหลบตามเสาไฟฟ้าบริเวณนั้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในบริเวณนั้น คิดว่าเป็นการหยอกกันไปมา ไม่คิดว่าผู้ตายถูกยิงจึงไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด
พ.ต.ท.สุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุทั้งหมดพบว่ามีอยู่ด้วยกัน 3 ตัว ขณะนี้ตรวจสอบไปแล้ว 2 ตัว ก็ยังไม่พบภาพของคนร้ายที่ใช้ปืนยิงแต่อย่างใด โดยหลังจากนี้จะเรียกพยานที่เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมทั้งยังตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เหลืออีก 1 ตัว โดยหากพบตัวคนร้ายก็รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อไป