นายวศิน ธีรเวชญาณ ประธานคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี จะประชุมร่วมกับนายวา คิม ฮง ที่ปรึกษากิจการชายแดนของรัฐบาลกัมพูชา และประธานเจบีซีฝ่ายกัมพูชา กลางเดือนหน้า ในไทย เพื่อกำหนดกรอบการทำงานร่วมกันในการปักปันเขตแดนบริเวณพื้นที่พิพาท 2,500 ไร่ บนเขาพระวิหาร รวมถึงการกำหนพื้นที่ในการปักปันเขตแดน หลังจากที่สมาชิกรัฐสภามีมติเห็นชอบกรอบการเจรจาข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา ด้วยคะแนน 409 ต่อ 7 เสียง และเห็นชอบกรอบการเจรจาสำรวจเพื่อจัดทำหลักเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา ตามกรอบคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ด้วยคะแนน 406 ต่อ 8 เสียง
ระหว่างการพิจารณากรอบการเจรจาทั้ง 2 กรอบ ได้มีการทักท้วงจากสมาชิกรัฐสภา มิให้กระทรวงการต่างประเทศยึดระวางแผนที่บริเวณพนมดงรัก ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ระวาง ที่ได้เคยมีการทำแผนที่ชายแดนไว้ร่วมกันระหว่างไทยและฝรั่งเศส โดยระวางแผนที่ดังกล่าวมีแนวเขตที่ล้ำลึกเข้ามาในเขตไทย ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่บนเขาพระวิหารอยู่ในเขตแดนกัมพูชา และไม่ได้ยึดแนวสันปันน้ำในการกำหนดแนวเขตแดน ซึ่งเป็นการขัดกับข้อตกลงในสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ปี 2447 ที่กำหนดให้ยึดแนวสันปันน้ำ หรือแนวหน้าผาสูง เป็นเส้นเขตแดนระหว่าง 2 ฝ่าย
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้รัฐบาลระมัดระวังในการเจรจา โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และมิให้ยึดระวางแผนที่พนมดงรักเป็นกรอบในการเจรจาเรื่องเขตแดน เนื่องจากจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา กล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ที่ขึ้นอภิปราย ได้สนับสนุนกรอบเจรจาทั้งสองกรอบที่เสนอขึ้นมา แต่ได้ร่วมแสดงความกังวลในการที่รัฐบาลจะเจรจาปันเขตแดนกับฝ่ายกัมพูชา ซึ่งกรอบการเจรจาที่ผ่านความเห็นชอบเมื่อวานนี้ จะช่วยเปิดทางให้คณะทำงานด้านความมั่นคงจากทั้งฝ่ายทหาร และกระทรวงการต่างประเทศ สามารถเดินหน้าทำงานแก้ปัญหาพิพาทกับกัมพูชา โดยฝ่ายทหารสามารถเจรจาในเรื่องการปรับลดกำลังทหารบนพื้นที่พิพาท เพื่อลดการเผชิญหน้าของทหารในพื้นที่ ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสามารถเดินหน้าในการจัดประชุมเจบีซี เพื่อปักปันเขตแดน
พล.อ.เลิศรัตน์ ยังเห็นว่าการกำหนดพื้นที่และการปักปันเขตแดนบนเขาพระวิหาร เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ และไม่เชื่อว่าจะมีความคืบหน้ามากนักภายในต้นปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลกัมพูชาต้องเสนอพื้นที่กันชนรอบตัวปราสาทพระวิหารให้ทางคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกพิจารณา
ระหว่างการพิจารณากรอบการเจรจาทั้ง 2 กรอบ ได้มีการทักท้วงจากสมาชิกรัฐสภา มิให้กระทรวงการต่างประเทศยึดระวางแผนที่บริเวณพนมดงรัก ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ระวาง ที่ได้เคยมีการทำแผนที่ชายแดนไว้ร่วมกันระหว่างไทยและฝรั่งเศส โดยระวางแผนที่ดังกล่าวมีแนวเขตที่ล้ำลึกเข้ามาในเขตไทย ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่บนเขาพระวิหารอยู่ในเขตแดนกัมพูชา และไม่ได้ยึดแนวสันปันน้ำในการกำหนดแนวเขตแดน ซึ่งเป็นการขัดกับข้อตกลงในสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ปี 2447 ที่กำหนดให้ยึดแนวสันปันน้ำ หรือแนวหน้าผาสูง เป็นเส้นเขตแดนระหว่าง 2 ฝ่าย
โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้รัฐบาลระมัดระวังในการเจรจา โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และมิให้ยึดระวางแผนที่พนมดงรักเป็นกรอบในการเจรจาเรื่องเขตแดน เนื่องจากจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา กล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ที่ขึ้นอภิปราย ได้สนับสนุนกรอบเจรจาทั้งสองกรอบที่เสนอขึ้นมา แต่ได้ร่วมแสดงความกังวลในการที่รัฐบาลจะเจรจาปันเขตแดนกับฝ่ายกัมพูชา ซึ่งกรอบการเจรจาที่ผ่านความเห็นชอบเมื่อวานนี้ จะช่วยเปิดทางให้คณะทำงานด้านความมั่นคงจากทั้งฝ่ายทหาร และกระทรวงการต่างประเทศ สามารถเดินหน้าทำงานแก้ปัญหาพิพาทกับกัมพูชา โดยฝ่ายทหารสามารถเจรจาในเรื่องการปรับลดกำลังทหารบนพื้นที่พิพาท เพื่อลดการเผชิญหน้าของทหารในพื้นที่ ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสามารถเดินหน้าในการจัดประชุมเจบีซี เพื่อปักปันเขตแดน
พล.อ.เลิศรัตน์ ยังเห็นว่าการกำหนดพื้นที่และการปักปันเขตแดนบนเขาพระวิหาร เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ และไม่เชื่อว่าจะมีความคืบหน้ามากนักภายในต้นปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลกัมพูชาต้องเสนอพื้นที่กันชนรอบตัวปราสาทพระวิหารให้ทางคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโกพิจารณา
