นายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ตรวจสอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา กล่าวภายหลังร่วมสังเกตการณ์การทดสอบยิงแก๊สน้ำตา ว่า สิ่งที่เห็นชัดเจนนั้นพบว่าแก๊สน้ำตาจากประเทศจีน ทั้งชนิดยิงและขว้างมีความรุนแรงมากที่สุด เนื่องจากกระสอบที่ใช้เป็นเป้ายังได้รับความเสียหาย แต่หากไปตกอยู่บนตัวคนจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เมื่อดูจากเขม่าแก๊สน้ำตาจากจีนนั้นตรงกับที่พบในตัวผู้บาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนจะนำข้อมูลที่ได้ในวันนี้ไปรวบรวมและสรุปผลอีกครั้ง ขณะที่ผลการยิงแก๊สน้ำตานั้นพบว่าชนิดยิงลูกที่ 1 รหัส 261 CN มีเสียงเบาและไปได้ไม่ไกล ซึ่งพบในที่เกิดเหตุ ลูกที่ 2 ชื่อนันเลเทอเทคโนโลยี มีเสียงดัง เมื่อยิงถูกเป้ามีไฟลุกท่วม ซึ่งลูกที่ 1 และ 2 นี้เป็นชนิดยิงผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา ลูกที่ 3 ชนิดยิงชื่อคาทูโช่ จากประเทศสเปน มีเสียงดังพร้อมควันจำนวนมาก ลูกที่ 4 ชนิดยิง ลักษณะปลอกสีเขียวจากประเทศจีน มีเสียงดังและพบในที่เกิดเหตุ ลูกที่ 5 ชนิดขว้างจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีเสียงดังน้อย และลูกที่ 6 ชนิดขว้างจากประเทศจีน มีเสียงดังมากและพบในที่เกิดเหตุ ซึ่งชนิดนี้มีปลอกสีขาวตรงกับภาพถ่ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถือไว้ในมือในวันเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตนจะนำข้อมูลที่ได้ในวันนี้ไปรวบรวมและสรุปผลอีกครั้ง ขณะที่ผลการยิงแก๊สน้ำตานั้นพบว่าชนิดยิงลูกที่ 1 รหัส 261 CN มีเสียงเบาและไปได้ไม่ไกล ซึ่งพบในที่เกิดเหตุ ลูกที่ 2 ชื่อนันเลเทอเทคโนโลยี มีเสียงดัง เมื่อยิงถูกเป้ามีไฟลุกท่วม ซึ่งลูกที่ 1 และ 2 นี้เป็นชนิดยิงผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา ลูกที่ 3 ชนิดยิงชื่อคาทูโช่ จากประเทศสเปน มีเสียงดังพร้อมควันจำนวนมาก ลูกที่ 4 ชนิดยิง ลักษณะปลอกสีเขียวจากประเทศจีน มีเสียงดังและพบในที่เกิดเหตุ ลูกที่ 5 ชนิดขว้างจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีเสียงดังน้อย และลูกที่ 6 ชนิดขว้างจากประเทศจีน มีเสียงดังมากและพบในที่เกิดเหตุ ซึ่งชนิดนี้มีปลอกสีขาวตรงกับภาพถ่ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถือไว้ในมือในวันเกิดเหตุ