ผู้ว่าฯประจวบแนะออก ก.ม.ประชามติ ลดขัดแย้งชุมชน-อุตสาหกรรม

นายปานชัย บวรรัตนปราณ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 รับรองสิทธิชุมชนค่อนข้างมาก แต่ยังไม่มีกฎหมายลงประชามติ ซึ่งเป็นกฎหมายประกอบออกมารองรับ ทำให้เมื่อชุมชนใช้สิทธิอย่างเต็มที่ จนเกิดความขัดแย้งระหว่างการพัฒนากับชุมชน แต่กลับไม่มีกลไกแก้ปัญหารองรับ จึงควรเร่งออกกฎหมายดังกล่าว เพื่อใช้เป็นกฎหมายที่หาข้อยุติของสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาแก่งเสือเต้น เหมืองโปรแตส และโรงถลุงเหล็ก
ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า บทบัญญัติกฎหมายการลงประชามติต้องมีความชัดเจนว่า การลงประชามติมีรายละเอียดอย่างไร อาทิ โครงการโรงถลุงเหล็กที่บางสะพาน ผู้มีส่วนร่วมในการลงประชามติจะเป็นใคร จะเป็นเฉพาะคนบางสะพาน อ ใคร สมมติโรงถลุงเหล็กของสหวิริยาที่จะสร้างายประชามติจะอยู่ร่วมกันอย่างไรันก็ไม่ดี เพราะมันสุดโต่งหรือเฉพาะตำบลที่ตั้งโครงการ หรือรวมถึงประชาชนทั้งจังหวัด นอกจากนี้จะต้องมีหน่วยงานควบคุมดูแล ไม่ให้มีการซื้อขายเสียง เพราะทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านจะต้องมีการรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลเพื่อหาเสียงสนับสนุน
ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวยอมรับว่า องค์กรอิสระที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ อาทิ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ซึ่งมีการตรวจสอบปัญหาการได้มาซึ่งที่ดินของนักธุรกิจย้อนหลัง ซึ่งตนถือว่า เป็นเรื่องใหญ่ เพราะหากนักธุรกิจซื้อที่ดินตามเอกสารสิทธิที่มีอยู่ทั่วไป แล้วเอาไปจำนองกับธนาคารเพื่อนำเงินมาลงทุน แต่กลับต้องตรวจสอบไปถึงธนาคารด้วย ทำให้เป็นเรื่องยากเวลาทำงานพัฒนา