คอลัมน์คนปลายซอยของ เปลว สีเงิน จากหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ในหัวเรื่อง 7 ตุลา "สมชาย" ฆ่าประชาชน ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ว่าเป็นความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายประชาชน สนองตอบต่อผู้อำนาจรัฐ และได้ตั้งคำถามกับตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ยังใช้วิธีการเดิมๆ ในการใช้ความรุนแรงกระทำต่อประชาชน เพื่อรับใช้ผู้มีอำนาจทางการเมือง มีการใช้อำนาจรัฐสั่งการทำร้ายประชาชนที่มีแต่ 2 มือเปล่า เหตุรุนแรงได้ต่อเนื่องมาถึงช่วงบ่ายที่มีการใช้แก๊สน้ำตาทำร้ายประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้
เปลว สีเงิน ยังได้ชื่นชมสปิริตของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี หลังเกิดเหตุร้าย ซึ่งเป็นการยืนยันว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการสั่งทำร้ายประชาชนมาจาก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และน้องเขยอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ส่วนนายสุทธิชัย หยุ่น เจ้าของคอลัมน์กาแฟดำ จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้เขียนบทความในม่านหมอกแก๊สน้ำตา และกลิ่นคาวเลือด ศพแรกชื่อ "สมานฉันท์" ได้กล่าวถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้นว่า เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินเหตุ เมื่อผู้ชุมนุมประท้วงได้ชุมนุมกันอย่างสงบ เป็นการแสดงออกอย่างอารยขัดขืน ไม่ได้อยู่ในสภาพจลาจล อันจะเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าปราบปรามได้ และเห็นว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลขาดความสง่างาม เมื่อเกิดการชุมนุมคัดค้านรัฐบาลอยู่ด้านนอก รวมถึงการประท้วงจาก ส.ว.ส่วนหนึ่ง และ ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้าน ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงของรัฐบาล เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น ขัดแย้งกับภาพที่เกิดขึ้นก่อนหน้า จากการที่นายกรัฐมนตรีได้สร้างภาพให้ผู้คนในสังคม เห็นถึงความต้องการสมานฉันท์ของรัฐบาล และเห็นว่าภาพความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้น หากนายสมชายมีความจริงใขที่จะทำอย่างที่พูดไว้
ด้านบทนำของหนังสือพิมพ์มติชน ภายใต้ชื่อเรื่องบทแผลของชาติ เห็นว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้สังคมเกิดคำถามขึ้นว่า รัฐบาลจะบริหารประเทศตามแนวทางที่ได้ประกาศไว้ ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ให้เกิดขึ้นในชาติได้อย่างไร และเห็นว่าภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้น ได้ประจานให้สังคมโลก ได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งไม่ควรใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาขัดแย้งในชาติ และเห็นว่าภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ นายรัฐมนตรีต้องพิจารณาหาช่องทาง เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ให้สถานการณ์บานปลายออกไป
เปลว สีเงิน ยังได้ชื่นชมสปิริตของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี หลังเกิดเหตุร้าย ซึ่งเป็นการยืนยันว่า ผู้อยู่เบื้องหลังการสั่งทำร้ายประชาชนมาจาก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และน้องเขยอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ส่วนนายสุทธิชัย หยุ่น เจ้าของคอลัมน์กาแฟดำ จากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้เขียนบทความในม่านหมอกแก๊สน้ำตา และกลิ่นคาวเลือด ศพแรกชื่อ "สมานฉันท์" ได้กล่าวถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้นว่า เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินเหตุ เมื่อผู้ชุมนุมประท้วงได้ชุมนุมกันอย่างสงบ เป็นการแสดงออกอย่างอารยขัดขืน ไม่ได้อยู่ในสภาพจลาจล อันจะเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าปราบปรามได้ และเห็นว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลขาดความสง่างาม เมื่อเกิดการชุมนุมคัดค้านรัฐบาลอยู่ด้านนอก รวมถึงการประท้วงจาก ส.ว.ส่วนหนึ่ง และ ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้าน ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงของรัฐบาล เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น ขัดแย้งกับภาพที่เกิดขึ้นก่อนหน้า จากการที่นายกรัฐมนตรีได้สร้างภาพให้ผู้คนในสังคม เห็นถึงความต้องการสมานฉันท์ของรัฐบาล และเห็นว่าภาพความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้น หากนายสมชายมีความจริงใขที่จะทำอย่างที่พูดไว้
ด้านบทนำของหนังสือพิมพ์มติชน ภายใต้ชื่อเรื่องบทแผลของชาติ เห็นว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้สังคมเกิดคำถามขึ้นว่า รัฐบาลจะบริหารประเทศตามแนวทางที่ได้ประกาศไว้ ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ให้เกิดขึ้นในชาติได้อย่างไร และเห็นว่าภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้น ได้ประจานให้สังคมโลก ได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งไม่ควรใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาขัดแย้งในชาติ และเห็นว่าภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ นายรัฐมนตรีต้องพิจารณาหาช่องทาง เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ให้สถานการณ์บานปลายออกไป
