ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภาว่าได้สั่งการให้ทีมแพทย์ฉุกเฉินของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมรับมือผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ โดยระดมทีมจากโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลสมุทรปราการ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โรงพยาบาลฉะเชิงเทรา และ โรงพยาบาลปทุมธานี พร้อมรถพยาบาลและเครื่องมือแพทย์ชั้นสูง ร่วมปฏิบัติงานสมทบกับหน่วยกู้ชีพเอราวัณของ กทม.โดยประจำการอยู่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ขณะเดียวกัน ได้ให้โรงพยาบาลในสังกัดที่อยู่ใน กทม.และปริมณฑลอื่นๆ เตรียมพร้อมในที่ตั้ง และพร้อมออกปฏิบัติการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันทีเมื่อร้องขอเพิ่มเติม
ล่าสุด ได้รับรายงานมีผู้บาดเจ็บ 47 ราย ในจำนวนนี้อาการหนัก 4 ราย ได้แก่ ขาขาด 1 ราย รอยแผลไฟไหม้ที่บริเวณหลัง 1 ราย บาดเจ็บที่ตา 1 ราย เป็นแผลที่ใบหน้า 1 ราย โดยผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล 27 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 18 ราย และ โรงพยาบาลราชวิถี 2 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บทยอยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากอาการระคายเคืองตา ขณะนี้ สธ.ได้จัดส่งรถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมหน่วยกู้ชีพจากโรงพยาบาล 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเลิดสิน 2 ทีม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี 1 ทีม โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า 1 ทีม โรงพยาบาลปทุมธานี 1 ทีม โรงพยาบาลสมุทรปราการ 1 ทีม โรงพยาบาลฉะเชิงเทรา 1 ทีม และประสานงานทีมรถฉุกเฉินจาก โรงพยาบาลรามาธิบดีอีก 1 ทีม ทั้งหมดนี้ประจำการอยู่ที่สนามเสือป่า
ด้าน น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า ได้สั่งการให้โรงพยาบาลทุกแห่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุด เตรียมพร้อมห้องผ่าตัด และสำรองเลือดและเตียงไว้ให้พร้อม และประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยแพทย์เอราวัณ กทม.ในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ สำหรับการดูแลผู้บาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมี มีคุณสมบัติที่ทำให้เยื่อบุในช่องปากและโพรงจมูกเกิดอาการระคายเคือง อาการจะทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง แสบตา จมูก ปาก ทางเดินหายใจ แน่นหน้าอก ไอ คลื่นไส้อาเจียน หายใจลำบาก โดยอาการเหล่านี้ เกิดขึ้นชั่วคราวแล้วจะหายไปหลังจากสัมผัสประมาณ 5-30 นาที วิธีการรักษาหากสัมผัสแก๊สน้ำตา ให้รีบบ้วนน้ำ อย่ากลืนลงไป โดยเฉพาะหากเป็นผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ให้พยายามถอดออก โดยล้างมือให้สะอาดก่อน และหายใจเข้าออกช้าๆ อยู่ในความสงบ ไม่ควรตกใจ ให้ดื่มน้ำมากๆ และใช้น้ำล้างหน้าล้างตาในกรณีที่ถูกแก๊ส
ล่าสุด ได้รับรายงานมีผู้บาดเจ็บ 47 ราย ในจำนวนนี้อาการหนัก 4 ราย ได้แก่ ขาขาด 1 ราย รอยแผลไฟไหม้ที่บริเวณหลัง 1 ราย บาดเจ็บที่ตา 1 ราย เป็นแผลที่ใบหน้า 1 ราย โดยผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล 27 ราย โรงพยาบาลรามาธิบดี 18 ราย และ โรงพยาบาลราชวิถี 2 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บทยอยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากอาการระคายเคืองตา ขณะนี้ สธ.ได้จัดส่งรถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมหน่วยกู้ชีพจากโรงพยาบาล 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเลิดสิน 2 ทีม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี 1 ทีม โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า 1 ทีม โรงพยาบาลปทุมธานี 1 ทีม โรงพยาบาลสมุทรปราการ 1 ทีม โรงพยาบาลฉะเชิงเทรา 1 ทีม และประสานงานทีมรถฉุกเฉินจาก โรงพยาบาลรามาธิบดีอีก 1 ทีม ทั้งหมดนี้ประจำการอยู่ที่สนามเสือป่า
ด้าน น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า ได้สั่งการให้โรงพยาบาลทุกแห่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุด เตรียมพร้อมห้องผ่าตัด และสำรองเลือดและเตียงไว้ให้พร้อม และประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยแพทย์เอราวัณ กทม.ในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ สำหรับการดูแลผู้บาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมี มีคุณสมบัติที่ทำให้เยื่อบุในช่องปากและโพรงจมูกเกิดอาการระคายเคือง อาการจะทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง แสบตา จมูก ปาก ทางเดินหายใจ แน่นหน้าอก ไอ คลื่นไส้อาเจียน หายใจลำบาก โดยอาการเหล่านี้ เกิดขึ้นชั่วคราวแล้วจะหายไปหลังจากสัมผัสประมาณ 5-30 นาที วิธีการรักษาหากสัมผัสแก๊สน้ำตา ให้รีบบ้วนน้ำ อย่ากลืนลงไป โดยเฉพาะหากเป็นผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ให้พยายามถอดออก โดยล้างมือให้สะอาดก่อน และหายใจเข้าออกช้าๆ อยู่ในความสงบ ไม่ควรตกใจ ให้ดื่มน้ำมากๆ และใช้น้ำล้างหน้าล้างตาในกรณีที่ถูกแก๊ส