นายวิชัย อัศรัสกร นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ เตรียมเรียกประชุมผู้ค้าอัญมณีพรุ่งนี้ (2 ต.ค.) เพื่อประเมินความเสียหาย พร้อมออกมาตรการตั้งรับจากผลกระทบวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ โดยเชื่อว่าอีก 3 เดือนข้างหน้า ยอดการส่งออกไปสหรัฐฯ อาจลดต่ำลงกว่าร้อยละ 20 และในตลาดยุโรปอาจลดลงร้อยละ 30 เนื่องจากผู้บริโภคจะระมัดระวังการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยมากขึ้น ทางสมาคมฯ จึงแนะนำให้สมาคมเปิดตลาดใหม่ๆ เช่น จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง และรัสเซีย ส่วนตลาดสหรัฐฯ และยุโรปควรเพิ่มมูลค่าด้วยการออกแบบ และใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนวัตถุดิบลง
นายขัติยา ไกรกาญจน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า การส่งออกสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยไปสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยอัตราการขยายตัวเพียงร้อยละ 1 -3 ทำให้ผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนตลาดส่งออกในกลุ่มประเทศอาเซียนและยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีการขยายตัวถึงร้อยละ 10-20 สามารถชดเชยมูลค่าการส่งออกที่สูญเสียไปในตลาดสหรัฐฯ มาได้ถึงร้อยละ 11-12
นอกจากนี้ เชื่อว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้า ตลาดยุโรปและอาเซียนจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินจากสหรัฐฯ แต่คงจะไม่กระทบการจ้างงานของคนไทย เพราะอุตสาหกรรมนี้ยังมีความต้องการแรงงานอีกมาก
นายปิลันธน์ ธรรมมงคล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีคำสั่งชะลอการซื้อสินค้าไปสหรัฐฯ บ้างแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการเตรียมแผนขยายตลาดใหม่ไปยังอาเซียน จีน และญี่ปุ่น โดยคาดว่าในปีนี้อุตสาหกรรมสิ่งทอจะขยายตัวร้อยละ 7-8
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการบริษัทไอซีซีอินเตอร์เนชั่นแนล เชื่อว่า นักธุรกิจไทยจะปรับตัวจากปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลดตัวลงได้ เช่น การหาตลาดใหม่ ออกแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้า ทำแผนส่งเสริมการขาย รวมถึงการลดต้นทุนการผลิตซึ่งรัฐบาลควรสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย
นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.เชื่อว่าปีหน้าไทยจะประสบปัญหาการว่างงานเพิ่มขึ้นจากวิกฤตที่เกิดขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลควรออกมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี เพื่อลดต้นทุนของผู้ส่งออก วิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสดีในการส่งออกอาหาร เนื่องจากทั่วโกลระมัดระวังสินค้าจากจีน
นายขัติยา ไกรกาญจน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า การส่งออกสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยไปสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยอัตราการขยายตัวเพียงร้อยละ 1 -3 ทำให้ผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนตลาดส่งออกในกลุ่มประเทศอาเซียนและยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีการขยายตัวถึงร้อยละ 10-20 สามารถชดเชยมูลค่าการส่งออกที่สูญเสียไปในตลาดสหรัฐฯ มาได้ถึงร้อยละ 11-12
นอกจากนี้ เชื่อว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้า ตลาดยุโรปและอาเซียนจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินจากสหรัฐฯ แต่คงจะไม่กระทบการจ้างงานของคนไทย เพราะอุตสาหกรรมนี้ยังมีความต้องการแรงงานอีกมาก
นายปิลันธน์ ธรรมมงคล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีคำสั่งชะลอการซื้อสินค้าไปสหรัฐฯ บ้างแล้ว ทำให้ผู้ประกอบการเตรียมแผนขยายตลาดใหม่ไปยังอาเซียน จีน และญี่ปุ่น โดยคาดว่าในปีนี้อุตสาหกรรมสิ่งทอจะขยายตัวร้อยละ 7-8
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการบริษัทไอซีซีอินเตอร์เนชั่นแนล เชื่อว่า นักธุรกิจไทยจะปรับตัวจากปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลดตัวลงได้ เช่น การหาตลาดใหม่ ออกแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้า ทำแผนส่งเสริมการขาย รวมถึงการลดต้นทุนการผลิตซึ่งรัฐบาลควรสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย
นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.เชื่อว่าปีหน้าไทยจะประสบปัญหาการว่างงานเพิ่มขึ้นจากวิกฤตที่เกิดขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลควรออกมาตรการช่วยเหลือด้านภาษี เพื่อลดต้นทุนของผู้ส่งออก วิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสดีในการส่งออกอาหาร เนื่องจากทั่วโกลระมัดระวังสินค้าจากจีน
