ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต (มรส.) กล่าวถึงสถานการณ์หลังจากที่มีการประกาศยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า หลังจากนี้หากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถอนตัวจากทำเนียบรัฐบาล และมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมตั้งคณะกรรมการหารือเพื่อเจรจาทำการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น
ส่วนภาวะเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ โดยส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก ที่เศรษฐกิจขยายตัวที่ร้อยละ 5.7 แต่เศรษฐกิจจะดีกว่าช่วงที่มีการประกาศใช้พระราชกำหนดฉุกเฉินฯ
ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับในวันพุธนี้ (17 ก.ย.) ที่คาดว่าจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ควรดำเนินการคือ การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัย ตลอดจนเปิดเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อหาทางออกให้กับสถานการณ์บ้านเมือง และนายกรัฐมนตรีควรจะต้องลดการพูดจาในลักษณะยั่วยุที่จะทำให้เกิดความเกลียดชัง ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ความรุนแรงต่างๆ น่าจะดีขึ้น
ส่วนภาวะเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ โดยส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก ที่เศรษฐกิจขยายตัวที่ร้อยละ 5.7 แต่เศรษฐกิจจะดีกว่าช่วงที่มีการประกาศใช้พระราชกำหนดฉุกเฉินฯ
ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับในวันพุธนี้ (17 ก.ย.) ที่คาดว่าจะได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ควรดำเนินการคือ การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอุทกภัย ตลอดจนเปิดเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อหาทางออกให้กับสถานการณ์บ้านเมือง และนายกรัฐมนตรีควรจะต้องลดการพูดจาในลักษณะยั่วยุที่จะทำให้เกิดความเกลียดชัง ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ความรุนแรงต่างๆ น่าจะดีขึ้น
