นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการที่สภาผู้แทนราษฎรเลื่อนลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไปเป็นวันที่ 17 กันยายน ว่า ในส่วนของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะสมาชิกต่าง ๆ ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้ 5 ข้อ
นายพรศิลป์ กล่าวว่า คุณสมบัตินายกรัฐมนตรีที่สภาหอการค้าฯ ต้องการเห็น ประกอบด้วย มีความซื่อสัตย์ มีจริยธรรม ภาวะผู้นำ บริหารงานด้วยความโปร่งใส และต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายหรือเรื่องยาก บุคคลที่เสนอชื่อไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีหรือคนในพรรคพลังประชาชน จะต้องตระหนักในสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ และเมื่อได้ผู้นำ สิ่งที่ต้องเร่งรีบแก้ไข คือ เลิกความแตกแยกทางความคิด เลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม เท่าที่มีการประเมินภาคเอกชนต้องการให้ปัญหาทางการเมืองจบลงทันทีไม่ควรยืดเยื้อ หากเป็นไปได้ควรจบลงภายในเดือนกันยายนนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนตุลาคม
สำหรับสิ่งที่ภาคเอกชนกังวล คือ หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะไม่เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศ เพราะจะทำให้ขาดความมั่นใจในการบริโภคในประเทศ กระทบการค้า การลงทุน ท่องเที่ยว ซึ่งได้มีการประเมินว่าหากยืดเยื้อถึงสิ้นปีผลกระทบจะมีมากกว่า 100,000 ล้านบาทซึ่งถือว่าสูงมาก หากเป็นเช่นนี้ผู้ประกอบการจะต้องปิดกิจการและนั่งไหว้เจ้าเพื่อขอพรว่าจะดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างไร ซึ่งภาคเอกชนไม่อยากเห็น
นายพรศิลป์ กล่าวว่า คุณสมบัตินายกรัฐมนตรีที่สภาหอการค้าฯ ต้องการเห็น ประกอบด้วย มีความซื่อสัตย์ มีจริยธรรม ภาวะผู้นำ บริหารงานด้วยความโปร่งใส และต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายหรือเรื่องยาก บุคคลที่เสนอชื่อไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีหรือคนในพรรคพลังประชาชน จะต้องตระหนักในสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ และเมื่อได้ผู้นำ สิ่งที่ต้องเร่งรีบแก้ไข คือ เลิกความแตกแยกทางความคิด เลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม เท่าที่มีการประเมินภาคเอกชนต้องการให้ปัญหาทางการเมืองจบลงทันทีไม่ควรยืดเยื้อ หากเป็นไปได้ควรจบลงภายในเดือนกันยายนนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนตุลาคม
สำหรับสิ่งที่ภาคเอกชนกังวล คือ หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะไม่เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศ เพราะจะทำให้ขาดความมั่นใจในการบริโภคในประเทศ กระทบการค้า การลงทุน ท่องเที่ยว ซึ่งได้มีการประเมินว่าหากยืดเยื้อถึงสิ้นปีผลกระทบจะมีมากกว่า 100,000 ล้านบาทซึ่งถือว่าสูงมาก หากเป็นเช่นนี้ผู้ประกอบการจะต้องปิดกิจการและนั่งไหว้เจ้าเพื่อขอพรว่าจะดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างไร ซึ่งภาคเอกชนไม่อยากเห็น
