ดร.ปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงโครงการพัฒนาบึงสีไฟ บึงน้ำใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย ที่แต่เดิมเคยมีพื้นที่ 18, 000 ไร่แต่ถูกบุกรุกและตื้นเขินเหลือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำของบึงสีไฟเพียง 5,3oo ไร่ ว่าบึงสีไฟเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ 1 ใน8 ของพื้นที่ชุ่มน้ำภาคเหนือที่มีความสำคัญระดับนานาชาติมีสภาพธรรมชาติที่หลากหลาย และน้ำในบึงสีไฟมีความเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชน้ำโดยเฉพาะบัว ซึ่งปัจจุบันในบึงสีไฟมีบัวหลากหลายสายพันธ์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์หาชมที่ไหนไม่ได้แล้วในประเทศไทย
ดังนั้นคณะกรรมการสำรวจและศึกษาเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บึงสีไฟ จ.พิจิตร จึงพบว่าถ้าจะมีการที่จะพัฒนาบึงสีไฟ ควรจะมีการพัฒนาในเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติมากกว่าการก่อสร้างอควอเรียม หรือไปทำอะไรที่ไปซ้ำรูปแบบกับ บึงฉวาก หรือ บึงบอระเพ็ด จึงมีการเสนอทำอุทยานบัว โดยมุ่งเน้นการพัฒนาแบบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ และให้บึงสีไฟเป็นที่เก็บน้ำในฤดูน้ำหลาก เป็นแกล้มลิงลดปัญหาน้ำท่วม อีกทั้งยังนำน้ำมาใช้ได้ในฤดูแล้ง นอกจากนี้ยังจะให้บึงสีไฟเป็นแหล่งอยู่อาศัยของปลาน้ำจืดทุกชนิดมิให้สูญพันธุ์ จะได้สอดคล้องกับกิจกรรมศึกษาพันธุ์สัตว์น้ำที่มีอยู่แล้วบนศาลาเก้าเหลี่ยม ที่ดำเนินการโดยกรมประมง กระทรวงเกษตร
โดยสรุป ดร.ปรีชา กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับอนุมัติงบประมาณ 37 ล้าน ที่ผลักดันงบโดย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้แทนราษฎร จ.พิจิตร ได้รับงบประมาณมาแล้ว ซึ่งในการพัฒนาจะมีการปรับปรุงก่อสร้าง อาคารนิทรรศการบัว โดยใช้อาคารเดิม เพื่อจัดแสดงบัวสายพันธุ์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังจะได้ทำลานอุทยานบัว ลานนั่งเล่นชมวิว ลานตกปลา ลานพักผ่อน จุดให้อาหารปลา ท่าเทียบเรือ และขุดลอกในจุดที่ตื้นเขินตามหลักวิชาการ และให้มีเส้นทางรถจักรยาน และรถไฟแบบลากจูงด้วยรถไถหรือรถพลังงานไฟฟ้าไว้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งทั้งสิ้นจะลงมือดำเนินการในปี 52 และคิดว่าจะแล้วเสร็จได้ในต้นปี 53 อย่างแน่นอน
ดังนั้นคณะกรรมการสำรวจและศึกษาเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บึงสีไฟ จ.พิจิตร จึงพบว่าถ้าจะมีการที่จะพัฒนาบึงสีไฟ ควรจะมีการพัฒนาในเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติมากกว่าการก่อสร้างอควอเรียม หรือไปทำอะไรที่ไปซ้ำรูปแบบกับ บึงฉวาก หรือ บึงบอระเพ็ด จึงมีการเสนอทำอุทยานบัว โดยมุ่งเน้นการพัฒนาแบบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ และให้บึงสีไฟเป็นที่เก็บน้ำในฤดูน้ำหลาก เป็นแกล้มลิงลดปัญหาน้ำท่วม อีกทั้งยังนำน้ำมาใช้ได้ในฤดูแล้ง นอกจากนี้ยังจะให้บึงสีไฟเป็นแหล่งอยู่อาศัยของปลาน้ำจืดทุกชนิดมิให้สูญพันธุ์ จะได้สอดคล้องกับกิจกรรมศึกษาพันธุ์สัตว์น้ำที่มีอยู่แล้วบนศาลาเก้าเหลี่ยม ที่ดำเนินการโดยกรมประมง กระทรวงเกษตร
โดยสรุป ดร.ปรีชา กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับอนุมัติงบประมาณ 37 ล้าน ที่ผลักดันงบโดย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้แทนราษฎร จ.พิจิตร ได้รับงบประมาณมาแล้ว ซึ่งในการพัฒนาจะมีการปรับปรุงก่อสร้าง อาคารนิทรรศการบัว โดยใช้อาคารเดิม เพื่อจัดแสดงบัวสายพันธุ์ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังจะได้ทำลานอุทยานบัว ลานนั่งเล่นชมวิว ลานตกปลา ลานพักผ่อน จุดให้อาหารปลา ท่าเทียบเรือ และขุดลอกในจุดที่ตื้นเขินตามหลักวิชาการ และให้มีเส้นทางรถจักรยาน และรถไฟแบบลากจูงด้วยรถไถหรือรถพลังงานไฟฟ้าไว้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งทั้งสิ้นจะลงมือดำเนินการในปี 52 และคิดว่าจะแล้วเสร็จได้ในต้นปี 53 อย่างแน่นอน