นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธปืนบุกเข้ามายังสำนักข่าวเอ็นบีที กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจับกุมและดำเนินคดีกับกลุ่มคนนี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งการ์ดของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลาย และมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนบุคคลทั่วไป มีการพกพาอาวุธ มีพฤติกรรมก้าวร้าว ซึ่งการพกอาวุธถือเป็นเรื่องปกติของคนกลุ่มนี้ที่ต้องพกไว้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ดังนั้น การปฏิบัติของประชาชนที่อ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพนั้น รัฐบาลต้องปฏิบัติด้วยความนุ่มนวล อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วนก็ต้องการให้มีการจัดการขั้นเด็ดขาด รัฐบาลจึงอาจต้องให้ตำรวจและทหารเข้ามาจัดการให้เรียบร้อย เพราะจะปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ไม่ได้ ทั้งนี้ หากพันธมิตรฯ ยึดการออกอากาศของกรมประชาสัมพันธ์ ตำรวจและทหารต้องดำเนินการเด็ดขาด ซึ่งรัฐบาลขอให้ประชาชนเข้าใจ เพราะรัฐบาลจะปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งเหยียบย่ำประชาชนทั้งประเทศไม่ได้
ส่วนกรณีที่ข่าวว่าอาจมีมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ได้รับรายงานข่าวว่าพันธมิตรฯ จะปิดถนนและสถานที่สำคัญต่างๆ จากนั้นมือที่ 3 ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ร่วมมือกับพันธมิตรฯ จะสร้างสถานการณ์ โดยคนที่อายุมากและเคยร่วมกับพันธมิตรฯ มาก่อน และยังคงร่วมงานกับพันธมิตรฯ อยู่ใต้ดิน และมีอดีต พล.อ.ที่ชอบเล่าเรื่องลอบสังหาร ก็ยังแอบไปพูดคุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งหน่วยข่าวกำลังติดตามพฤติกรรมของกลุ่มนี้อยู่
นายณัฐวุฒิ ยังยืนยันด้วยว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ที่บุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีนั้น เป็นกลุ่มเดียวกับพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน ซึ่งก่อนหน้านี้แกนนำพันธมิตรฯ คนหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ว่า กำลังตรวจสอบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเป็นกลุ่มใด แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีกลุ่มใดสามารถเข้าแทรกซึมพันธมิตรฯ ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นกลุ่มที่มีการเตรียมการอย่างดี จึงไม่มีการแปลกปลอมเข้าไปแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า คนที่อ้างตัวว่าหวังดีต่อบ้านเมืองได้แสดงปรากฏการณ์ออกมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแกนนำจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ และจะต้องมีการดำเนินคดีกับแกนนำจากการบุกเอ็นบีทีด้วย
นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ดังนั้น การปฏิบัติของประชาชนที่อ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพนั้น รัฐบาลต้องปฏิบัติด้วยความนุ่มนวล อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วนก็ต้องการให้มีการจัดการขั้นเด็ดขาด รัฐบาลจึงอาจต้องให้ตำรวจและทหารเข้ามาจัดการให้เรียบร้อย เพราะจะปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ไม่ได้ ทั้งนี้ หากพันธมิตรฯ ยึดการออกอากาศของกรมประชาสัมพันธ์ ตำรวจและทหารต้องดำเนินการเด็ดขาด ซึ่งรัฐบาลขอให้ประชาชนเข้าใจ เพราะรัฐบาลจะปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งเหยียบย่ำประชาชนทั้งประเทศไม่ได้
ส่วนกรณีที่ข่าวว่าอาจมีมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ได้รับรายงานข่าวว่าพันธมิตรฯ จะปิดถนนและสถานที่สำคัญต่างๆ จากนั้นมือที่ 3 ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ร่วมมือกับพันธมิตรฯ จะสร้างสถานการณ์ โดยคนที่อายุมากและเคยร่วมกับพันธมิตรฯ มาก่อน และยังคงร่วมงานกับพันธมิตรฯ อยู่ใต้ดิน และมีอดีต พล.อ.ที่ชอบเล่าเรื่องลอบสังหาร ก็ยังแอบไปพูดคุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งหน่วยข่าวกำลังติดตามพฤติกรรมของกลุ่มนี้อยู่
นายณัฐวุฒิ ยังยืนยันด้วยว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ที่บุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีนั้น เป็นกลุ่มเดียวกับพันธมิตรฯ อย่างแน่นอน ซึ่งก่อนหน้านี้แกนนำพันธมิตรฯ คนหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ว่า กำลังตรวจสอบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเป็นกลุ่มใด แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีกลุ่มใดสามารถเข้าแทรกซึมพันธมิตรฯ ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นกลุ่มที่มีการเตรียมการอย่างดี จึงไม่มีการแปลกปลอมเข้าไปแน่นอน
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า คนที่อ้างตัวว่าหวังดีต่อบ้านเมืองได้แสดงปรากฏการณ์ออกมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแกนนำจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ และจะต้องมีการดำเนินคดีกับแกนนำจากการบุกเอ็นบีทีด้วย
