นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การที่ไทยกับอินเดีย มีความตกลงเอฟทีเอ มาตั้งแต่ปี 2547 และเดือนกันยายน 2549 มีการลดภาษีนำเข้าลงเป็น 0 ให้แก่กันในสินค้านำร่อง 82 รายการ ทำให้การส่งออกของไทยไปอินเดีย ขยายตัวอย่างมากในปี 2550 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีสินค้า 5 อันดับแรก ประกอบด้วย อลูมิเนียม เกลือ เครื่องปรับอากาศ เครื่องรับโทรทัศน์สี โพลีคาบอเนต และส่วนประกอบเครื่องเพชร พลอย ทำด้วยโลหะมีค่า โดยกรมการค้าต่างประเทศออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าให้แก่ผู้ส่งออกเพื่อนำไปลดภาษีขาเข้ายังประเทศอินเดีย ในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายนปีนี้ รวมมูลค่า 128.40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ร้อยละ 7
สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างไทยกับอินเดีย ช่วงครึ่งปีแรก ระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายนปีนี้ มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,897.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2550 โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าอินเดีย 256.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นางอภิรดี กล่าวว่า ผลจากการทำเอฟทีเอ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2547 เป็นต้นมา ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าอินเดียมาตลอด การนำเข้าสินค้าจากอินเดียภายใต้เอฟทีเอ ขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้าวัตถุดิบมาเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า แล้วส่งออก สนใจข้อมูลสอบถามที่สายด่วน 1385 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หรือ www.dft.go.th
สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างไทยกับอินเดีย ช่วงครึ่งปีแรก ระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายนปีนี้ มีมูลค่าทั้งสิ้น 2,897.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2550 โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าอินเดีย 256.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นางอภิรดี กล่าวว่า ผลจากการทำเอฟทีเอ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2547 เป็นต้นมา ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าอินเดียมาตลอด การนำเข้าสินค้าจากอินเดียภายใต้เอฟทีเอ ขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้าวัตถุดิบมาเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า แล้วส่งออก สนใจข้อมูลสอบถามที่สายด่วน 1385 กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หรือ www.dft.go.th