นายสุรธัส สุธรรมนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวถึงโครงการก่อสร้างสถานีและอุโมงค์ใต้อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ในส่วนที่ ทอท.เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2546-2551 รวมวงเงินก่อสร้างจำนวน 4,610 ล้านบาท ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อเรียกเก็บเงินชดเชยการก่อสร้างคืนจาก รฟท.แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายสุรธัส กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ ทอท. ยังไม่ได้รับการแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับเงินชดเชยดังกล่าวจาก รฟท. เนื่องจากที่ผ่านมารฟท.ประสบปัญหาในการบริหารจัดการภายในและขาดผู้นำองค์กร ทำให้ไม่มีใครที่มีอำนวจในการตัดสินใจ แต่ล่าสุดเมื่อนายยุทธนา ทัพเจริญ ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการ รฟท.แล้ว รวมถึงมีคณะกรรมการที่มีอำนาจในการนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาเพื่อตัดสินใจ จึงคาดว่าในเร็วๆ นี้ รฟท.จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ
นายสุรธัส กล่าวอีกว่า สำหรับวงเงินที่ ทอท.นำมาใช้ในการก่อสร้างสถานีและอุโมงค์ใต้อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นเงินทุนของ ทอท.เอง และเป็นเงินที่ ทอท.มีความจำเป็นต้องทวงกลับคืนมาเพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนต่อขยาย หรือเฟส 2 ที่กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดให้ ทอท.เร่งศึกษาเพื่อดำเนินการก่อสร้างรองรับปริมาณผู้โดยสารที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวทางที่ ทอท.เสนอไปให้ รฟท.พิจารณามี 2 แนวทางคือ รฟท.จะต้องคืนวงเงินค่าก่อสร้างให้กับ ทอท.ทั้งหมด จากนั้น ทอท.จะเช่าพื้นที่จำนวน 1,870 ตารางเมตร จากพื้นที่ทั้งหมด 60,000 ตารางเมตรของ รฟท.มาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และจะมีการแบ่งปันผลประโยชน์กับ รฟท.โดยจะแบ่งค่าเช่าพื้นที่ให้ รฟท.จำนวน 175 บาทต่อตารางเมตร จากที่ ทอท.เก็บมาได้ 450 บาทต่อตารางเมตร รวมถึงจะมีการเก็บส่วนแบ่งผลตอบแทนการขายอีกร้อยละ 15 จากผู้เช่าพื้นที่และแบ่งให้ รฟท.ร้อยละ 5 ต่อเดือน แต่ในกรณีที่ รฟท.ไม่ยอมจ่ายชดเชยให้ ทอท.เลย ทอท.จะนำพื้นที่ดังกล่าวมาบริหารจัดการเองทั้งหมด รวมถึงการได้รับสิทธิในการคำนวณอัตราค่าโดยสารเอง ซึ่งอาจสูงกว่าราคาค่าโดยสารในส่วนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม นายสุรธัส กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ ทอท. ยังไม่ได้รับการแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับเงินชดเชยดังกล่าวจาก รฟท. เนื่องจากที่ผ่านมารฟท.ประสบปัญหาในการบริหารจัดการภายในและขาดผู้นำองค์กร ทำให้ไม่มีใครที่มีอำนวจในการตัดสินใจ แต่ล่าสุดเมื่อนายยุทธนา ทัพเจริญ ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการ รฟท.แล้ว รวมถึงมีคณะกรรมการที่มีอำนาจในการนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาเพื่อตัดสินใจ จึงคาดว่าในเร็วๆ นี้ รฟท.จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ
นายสุรธัส กล่าวอีกว่า สำหรับวงเงินที่ ทอท.นำมาใช้ในการก่อสร้างสถานีและอุโมงค์ใต้อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นเงินทุนของ ทอท.เอง และเป็นเงินที่ ทอท.มีความจำเป็นต้องทวงกลับคืนมาเพื่อนำไปใช้ในการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนต่อขยาย หรือเฟส 2 ที่กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดให้ ทอท.เร่งศึกษาเพื่อดำเนินการก่อสร้างรองรับปริมาณผู้โดยสารที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวทางที่ ทอท.เสนอไปให้ รฟท.พิจารณามี 2 แนวทางคือ รฟท.จะต้องคืนวงเงินค่าก่อสร้างให้กับ ทอท.ทั้งหมด จากนั้น ทอท.จะเช่าพื้นที่จำนวน 1,870 ตารางเมตร จากพื้นที่ทั้งหมด 60,000 ตารางเมตรของ รฟท.มาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และจะมีการแบ่งปันผลประโยชน์กับ รฟท.โดยจะแบ่งค่าเช่าพื้นที่ให้ รฟท.จำนวน 175 บาทต่อตารางเมตร จากที่ ทอท.เก็บมาได้ 450 บาทต่อตารางเมตร รวมถึงจะมีการเก็บส่วนแบ่งผลตอบแทนการขายอีกร้อยละ 15 จากผู้เช่าพื้นที่และแบ่งให้ รฟท.ร้อยละ 5 ต่อเดือน แต่ในกรณีที่ รฟท.ไม่ยอมจ่ายชดเชยให้ ทอท.เลย ทอท.จะนำพื้นที่ดังกล่าวมาบริหารจัดการเองทั้งหมด รวมถึงการได้รับสิทธิในการคำนวณอัตราค่าโดยสารเอง ซึ่งอาจสูงกว่าราคาค่าโดยสารในส่วนอื่นๆ
