นายสง่า ดามาพงษ์ อุปนายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าคนไทยกินน้ำตาลน้อย ทำให้ก้าวร้าว และน้ำตาลไม่ทำให้อ้วน ว่า ข่าวดังกล่าวสร้างความสับสนแก่ผู้บริโภค ตนยืนยันว่า ปัจจุบันสังคมไทยเป็นสังคมที่บริโภคน้ำตาลล้นเกินมาก เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ถึง 3 เท่า คือ โดยปกติไม่ควรกินเกิน 6-8 ช้อนชาต่อคนต่อวัน แต่คนไทยโดยเฉลี่ยบริโภคคนละ 20 ช้อนชาต่อคนต่อวัน ซึ่งมากเกินความจำเป็น
นายสง่า กล่าวต่อไปว่า น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานว่างเปล่าของมนุษย์ แม้ว่าน้ำตาลจะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ เท่ากับอาหารประเภทแป้งอื่นๆ ก็ตาม แต่น้ำตาลกินเข้าไปแล้วให้พลังงานอย่างเดียว ไม่ได้ให้สารอาหารอื่นใด ผิดกับแหล่งพลังงานที่ได้จากข้าว แป้ง และโปรตีน ซึ่งนอกจากจะให้พลังงานแล้ว ยังให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอื่นๆ อีกมากมาย และที่สำคัญน้ำตาลที่กินเข้าไป หากร่างกายใช้ไม่หมดจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายในรูปของไกลโคเจน โดยเฉพาะไขมันที่พุง พร้อมจะเปลี่ยนเป็นกรดไขมันอิสระที่มีผลทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน นำไปสู่การเป็นโรคเบาหวาน ตามมาด้วยโรคหัวใจหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง อัมพาต อัมพฤกษ์ และโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ อีกมากมาย
นายสง่า กล่าวต่อไปว่า น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานว่างเปล่าของมนุษย์ แม้ว่าน้ำตาลจะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ เท่ากับอาหารประเภทแป้งอื่นๆ ก็ตาม แต่น้ำตาลกินเข้าไปแล้วให้พลังงานอย่างเดียว ไม่ได้ให้สารอาหารอื่นใด ผิดกับแหล่งพลังงานที่ได้จากข้าว แป้ง และโปรตีน ซึ่งนอกจากจะให้พลังงานแล้ว ยังให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอื่นๆ อีกมากมาย และที่สำคัญน้ำตาลที่กินเข้าไป หากร่างกายใช้ไม่หมดจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายในรูปของไกลโคเจน โดยเฉพาะไขมันที่พุง พร้อมจะเปลี่ยนเป็นกรดไขมันอิสระที่มีผลทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน นำไปสู่การเป็นโรคเบาหวาน ตามมาด้วยโรคหัวใจหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง อัมพาต อัมพฤกษ์ และโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ อีกมากมาย