ทูตเวียดนามประจำสหประชาชาติ ในฐานะรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ประณามอย่างรุนแรงต่อเหตุระเบิดด้านนอกสถานทูตอินเดียในกรุงคาบูลของอัฟกานิสถาน วานนี้ จนมีผู้เสียชีวิตไป 41 คน บาดเจ็บอีก 147 คน
โดยแถลงการณ์ได้ระบุว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเป็นการโจมตีฆ่าตัวตายของพวกก่อการร้าย สำหรับสาเหตุที่มีผู้คนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากจากระเบิดครั้งนี้ ก็เนื่องมาจาก ในช่วงที่เกิดเหตุ มีชาวอัฟกานิสถานมายืนรอคิวเพื่อขอวีซ่าที่สถานทูตจำนวนมาก ขณะที่กำแพงสถานทูตและร้านค้าใกล้เคียงได้รับความเสียหาย
ด้านประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ ของอัฟกานิสถาน ได้ ประณามเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเช่นกัน พร้อมกับระบุว่า เป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่พยายามบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างอัฟกานิสถานและอินเดีย นอกจากนี้ ประธานาธิบดีคาร์ไซ ยังได้โทรศัพท์ไปบอกกับนายกรัฐมนตรีมานโมฮัน ซิงห์ ของอินเดีย ด้วยว่าอัฟกานิสถานจะจัดการอย่างถึงที่สุดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ
ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย เปิดเผยว่า เหตุระเบิดทำให้ชาวอินเดียเสียชีวิต 4 คน ในจำนวนนี้มีนักการทูต และทูตทหารรวมอยู่ด้วย ส่วนรัฐมนตรีมหาดไทยของอัฟกานิสถานชี้ว่าผู้ที่ก่อเหตุโจมตีได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยข่าวกรองของปากีสถาน
ขณะเดียวกัน กลุ่มตอลิบานปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดรถยนต์พลีชีพครั้งนี้ ซึ่งนับว่าเป็นเหตุโจมตีในกรุงคาบูลครั้งรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ตอลิบานล่มสลายเมื่อ 7 ปีก่อน
โดยแถลงการณ์ได้ระบุว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเป็นการโจมตีฆ่าตัวตายของพวกก่อการร้าย สำหรับสาเหตุที่มีผู้คนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมากจากระเบิดครั้งนี้ ก็เนื่องมาจาก ในช่วงที่เกิดเหตุ มีชาวอัฟกานิสถานมายืนรอคิวเพื่อขอวีซ่าที่สถานทูตจำนวนมาก ขณะที่กำแพงสถานทูตและร้านค้าใกล้เคียงได้รับความเสียหาย
ด้านประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ ของอัฟกานิสถาน ได้ ประณามเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเช่นกัน พร้อมกับระบุว่า เป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่พยายามบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างอัฟกานิสถานและอินเดีย นอกจากนี้ ประธานาธิบดีคาร์ไซ ยังได้โทรศัพท์ไปบอกกับนายกรัฐมนตรีมานโมฮัน ซิงห์ ของอินเดีย ด้วยว่าอัฟกานิสถานจะจัดการอย่างถึงที่สุดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ
ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย เปิดเผยว่า เหตุระเบิดทำให้ชาวอินเดียเสียชีวิต 4 คน ในจำนวนนี้มีนักการทูต และทูตทหารรวมอยู่ด้วย ส่วนรัฐมนตรีมหาดไทยของอัฟกานิสถานชี้ว่าผู้ที่ก่อเหตุโจมตีได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยข่าวกรองของปากีสถาน
ขณะเดียวกัน กลุ่มตอลิบานปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดรถยนต์พลีชีพครั้งนี้ ซึ่งนับว่าเป็นเหตุโจมตีในกรุงคาบูลครั้งรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ตอลิบานล่มสลายเมื่อ 7 ปีก่อน