เอเอฟพี/รอยเตอร์ – มือระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตาย เข้าโจมตีสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำกรุงคาบูลเมื่อวานนี้(7) ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 41 คน ในจำนวนนี้เป็นนักการทูตแดนภารตะ 2 คน นับเป็นเหตุการณ์โจมตีครั้งนองเลือดที่สุดในนครหลวงอัฟกานิสถาน ภายหลังที่ระบอบปกครองตอลิบานถูกโค่นล้มเมื่อปี 2001
แรงระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณใจกลางกรุงคาบูลคราวนี้ ทำให้เศษเนื้อมนุษย์และแขนขาผู้คนกระจัดกระจายอยู่บริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูต ขณะที่ป้อมยามด้านนอกตลอดจนบางส่วนของกำแพงสถานทูตถูกทำลายราบ ซากศพที่อยู่ในสภาพไหม้เกรียมและมีเลือดนองหล่นระเกะระกะอยู่ตรงถนนด้านนอก
โฆษกกระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถานแถลงว่า จำนวนผู้เสียชีวิตมีอย่างน้อย 41 คน ในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 6 คน ส่วนผู้บาดเจ็บมี 139 คน
ผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นชาวอัฟกันซึ่งเดินทางมาขอวีซาเข้าอินเดีย
ผู้ช่วยทูตทหารและที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองของสถานเอกอัครราชทูต ก็อยู่ในหมู่ผู้เสียชีวิต รวมทั้งทหารรักษาการณ์ชาวอินเดียอีก 2 คนด้วย เจ้าหน้าที่หลายคนเล่าว่า ศพของนักการทูตคนหนึ่งถูกแรงระเบิดซัดปลิวกระเด็นขึ้นไปบนหลังคาสถานทูต และกว่าจะพบก็ค้นหากันอยู่นานหลายชั่วโมง
เอกอัครราชทูตอินเดีย ชยัน ปราสาท ผู้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรจากการระเบิดซึ่งส่งเสียงกัมปนาทไปทั่วใจกลางเมือง บอกกับเอเอฟพีว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายได้ขับรถของตนพุ่งชนรถของนักการทูต ที่กำลังแล่นผ่านประตูเข้าไปภายในสถานทูต
“สถานทูตถูกระเบิดทำลายหนักมาก พวกโครงสร้างด้านนอกนะ” เจ้าหน้าที่สถานทูตอีกผู้หนึ่งกล่าวโดยขอมิให้เปิดเผยนาม “เรากำลังเดินอยู่บนซากปรักหักพังโดยแท้”
ทางด้านสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกันก็ได้รับความเสียหายด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวอัฟกัน 5 คน และนักการทูตชาวอินโดนีเซีย 2 คนได้รับบาดเจ็บ ประธานาธิบดีซูซฺโล บัมบัง ยุโธโยโน แถลงที่กรุงจาการ์ตา
เหตุระเบิดคราวนี้ถือเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดในกรุงคาบูล นับแต่เริ่มมีการก่อความไม่สงบของพวกอิสลามหัวรุนแรง ภายหลังจากระบอบปกครองของกลุ่มตอลิบานถูกโค่นล้มด้วยฝีมือของกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ เพื่อหมายไล่ล่าทำลายเครือข่ายอัลกออิดะห์ หลังเหตุการณ์โจมตีสยองขวัญ 11 กันยายน
กลุ่มตอลิบานได้เป็นตัวการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายทั่วอัฟกานิสถานในระยะ 7 ปีที่ผ่านมา ทว่า ซาบิฮุลลาห์ มูจาเฮด โฆษกตอลิบานยืนยันว่า ขบวนการของพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตีสถานทูตอินเดียคราวนี้
ที่ผ่านมา กลุ่มตอลิบานปฏิเสธเสมอว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตีที่ทำให้มีพลเรือนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ทว่าทางการผู้รับผิดชอบก็ประณามกลุ่มนี้เรื่อยมา โดยชี้ถึงประวัติการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายอันโชกโชน
ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ ของอัฟกานิสถาน ได้ออกมากล่าวหา “ศัตรู” ของความสัมพันธ์อันดีระหว่างอัฟกานิสถานและอินเดีย ว่าเป็นผู้ก่อเหตุคราวนี้ ขณะที่รัฐบาลอินเดียก็ออกคำแถลงกล่าวว่า “พฤติการณ์ก่อการร้ายเช่นนี้จะไม่ทำให้เราหันเหออกไปจากการเติมเต็มพันธะผูกพันของเราที่มีต่อรัฐบาลและประชาชนของอัฟกานิสถาน”
ทั้งนี้ อินเดียให้ความสนับสนุนอย่างสำคัญแก่ความพยายามของอัฟกานิสถาน ในการฟื้นฟูประเทศภายหลังการโค่นล้มระบอบตอลิบาน
สหรัฐฯและสหภาพยุโรปก็เร่งออกมากล่าวประณามการโจมตีคราวนี้
ขณะที่ในกรุงอิสลามาบัด รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถาน ชาห์ เมห์มูด กูเรชี ก็ออกมาบอกว่า ปากีสถาน “ประณามการก่อการร้ายในทุกรูปแบบและทุกอาการบ่งชี้...”
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบหลายคนของอัฟกานิสถานกล่าวว่า การก่อเหตุระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตายคราวนี้ มีการประสานกับพวกสายลับต่างชาติในภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งน่าที่จะหมายถึงปากีสถาน
แรงระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณใจกลางกรุงคาบูลคราวนี้ ทำให้เศษเนื้อมนุษย์และแขนขาผู้คนกระจัดกระจายอยู่บริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูต ขณะที่ป้อมยามด้านนอกตลอดจนบางส่วนของกำแพงสถานทูตถูกทำลายราบ ซากศพที่อยู่ในสภาพไหม้เกรียมและมีเลือดนองหล่นระเกะระกะอยู่ตรงถนนด้านนอก
โฆษกกระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถานแถลงว่า จำนวนผู้เสียชีวิตมีอย่างน้อย 41 คน ในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 6 คน ส่วนผู้บาดเจ็บมี 139 คน
ผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นชาวอัฟกันซึ่งเดินทางมาขอวีซาเข้าอินเดีย
ผู้ช่วยทูตทหารและที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองของสถานเอกอัครราชทูต ก็อยู่ในหมู่ผู้เสียชีวิต รวมทั้งทหารรักษาการณ์ชาวอินเดียอีก 2 คนด้วย เจ้าหน้าที่หลายคนเล่าว่า ศพของนักการทูตคนหนึ่งถูกแรงระเบิดซัดปลิวกระเด็นขึ้นไปบนหลังคาสถานทูต และกว่าจะพบก็ค้นหากันอยู่นานหลายชั่วโมง
เอกอัครราชทูตอินเดีย ชยัน ปราสาท ผู้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรจากการระเบิดซึ่งส่งเสียงกัมปนาทไปทั่วใจกลางเมือง บอกกับเอเอฟพีว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายได้ขับรถของตนพุ่งชนรถของนักการทูต ที่กำลังแล่นผ่านประตูเข้าไปภายในสถานทูต
“สถานทูตถูกระเบิดทำลายหนักมาก พวกโครงสร้างด้านนอกนะ” เจ้าหน้าที่สถานทูตอีกผู้หนึ่งกล่าวโดยขอมิให้เปิดเผยนาม “เรากำลังเดินอยู่บนซากปรักหักพังโดยแท้”
ทางด้านสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกันก็ได้รับความเสียหายด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวอัฟกัน 5 คน และนักการทูตชาวอินโดนีเซีย 2 คนได้รับบาดเจ็บ ประธานาธิบดีซูซฺโล บัมบัง ยุโธโยโน แถลงที่กรุงจาการ์ตา
เหตุระเบิดคราวนี้ถือเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดในกรุงคาบูล นับแต่เริ่มมีการก่อความไม่สงบของพวกอิสลามหัวรุนแรง ภายหลังจากระบอบปกครองของกลุ่มตอลิบานถูกโค่นล้มด้วยฝีมือของกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ เพื่อหมายไล่ล่าทำลายเครือข่ายอัลกออิดะห์ หลังเหตุการณ์โจมตีสยองขวัญ 11 กันยายน
กลุ่มตอลิบานได้เป็นตัวการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายทั่วอัฟกานิสถานในระยะ 7 ปีที่ผ่านมา ทว่า ซาบิฮุลลาห์ มูจาเฮด โฆษกตอลิบานยืนยันว่า ขบวนการของพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตีสถานทูตอินเดียคราวนี้
ที่ผ่านมา กลุ่มตอลิบานปฏิเสธเสมอว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการโจมตีที่ทำให้มีพลเรือนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ทว่าทางการผู้รับผิดชอบก็ประณามกลุ่มนี้เรื่อยมา โดยชี้ถึงประวัติการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายอันโชกโชน
ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ ของอัฟกานิสถาน ได้ออกมากล่าวหา “ศัตรู” ของความสัมพันธ์อันดีระหว่างอัฟกานิสถานและอินเดีย ว่าเป็นผู้ก่อเหตุคราวนี้ ขณะที่รัฐบาลอินเดียก็ออกคำแถลงกล่าวว่า “พฤติการณ์ก่อการร้ายเช่นนี้จะไม่ทำให้เราหันเหออกไปจากการเติมเต็มพันธะผูกพันของเราที่มีต่อรัฐบาลและประชาชนของอัฟกานิสถาน”
ทั้งนี้ อินเดียให้ความสนับสนุนอย่างสำคัญแก่ความพยายามของอัฟกานิสถาน ในการฟื้นฟูประเทศภายหลังการโค่นล้มระบอบตอลิบาน
สหรัฐฯและสหภาพยุโรปก็เร่งออกมากล่าวประณามการโจมตีคราวนี้
ขณะที่ในกรุงอิสลามาบัด รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถาน ชาห์ เมห์มูด กูเรชี ก็ออกมาบอกว่า ปากีสถาน “ประณามการก่อการร้ายในทุกรูปแบบและทุกอาการบ่งชี้...”
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบหลายคนของอัฟกานิสถานกล่าวว่า การก่อเหตุระเบิดรถยนต์ฆ่าตัวตายคราวนี้ มีการประสานกับพวกสายลับต่างชาติในภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งน่าที่จะหมายถึงปากีสถาน