นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปชี้แจงข้อมูลต่อศาลรัฐธรรมนูญ และตอบข้อซักถามต่อสื่อมวลชนกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารนั้น พบว่ามีข้อบิดเบือนหลายประการ และมีความไม่ชอบมาพากล โดยเฉพาะการอ้างว่ารัฐบาลชุดที่แล้วมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้การขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชามีความสมบูรณ์ ว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งจากการตรวจสอบจากสมุดปกขาวที่กระทรวงการต่างประเทศได้ทำแจกจ่าย พบว่าการลงนามในขณะนั้นจะมีผลก็ต่อเมื่อรัฐบาลมีท่าทีที่ชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดของคณะกรรมการมรดกโลกที่ระบุว่า ภายใน 6 สัปดาห์ ก่อนที่จะมีการประชุม กัมพูชาจะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรกโลกได้ ต้องมีหลักฐานจากฝ่ายไทย ซึ่งตรงกับวันที่ 22 พฤษภาคม โดยนายนพดล ได้ไปลงนามแบบย่อในแถลงการณ์ร่วม และยังเป็นเอกสารชิ้นเดียวที่ทางการกัมพูชานำขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ควรจะออกมาชี้แจงความจริงในเรื่องนี้ให้ประชาชนรับทราบ
อย่างไรก็ตาม หากกัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ส่วนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หากพบว่าการกระทำดังกล่าวขัดมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้ายื่นถอดถอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากกัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกได้ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ส่วนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หากพบว่าการกระทำดังกล่าวขัดมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้ายื่นถอดถอนต่อไป