สภาทนายความ แถลงการณ์เรื่องขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทเขาพระวิหาร โดยระบุว่า ที่ผ่านมาการพิพากษาของศาลโลกไม่ได้พิพากษาให้ไทยยอมรับแผนที่ต่อท้ายคำฟ้องของประเทศกัมพูชา และไม่ได้พิพากษาชี้ขาดเกี่ยวกับเขตแดนระหว่างประเทศกัมพูชาและประเทศไทยในข้อพิพาทเรื่องนี้ โดยศาลโลกมีความเห็นเพียงว่า ปราสาทเขาพระวิหารตั้งอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาเท่านั้น ตามหลักของการตกลงระหว่างประเทศ รวมทั้งเห็นว่าองค์การยูเนสโกไม่มีอำนาจจะมาแปลหรือตีความในสนธิสัญญาให้มีผลผูกพันกับประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะยูเนสโกไม่ใช่หน่วยงานที่มีอำนาจเด็ดขาดในเรื่องพรมแดน และอำนาจอธิปไตย
สภาทนายความ เห็นว่า สำหรับกรณีปราสาทเขาพระวิหารนั้น องค์การยูเนสโกมีหน้าที่เพียงแต่เสนอข้อเท็จจริงให้คณะกรรมการมรดกโลกเป็นผู้พิจารณาเท่านั้น และยังเห็นว่า นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะไปร่วมลงนามกับรัฐบาลกัมพูชา จนกว่าจะมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขมาตรา 190 ก่อน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการทำหนังสือแจ้งให้กับคณะกรรมการมรดกโลก ทราบถึงผลคำสั่งของศาลปกครองโดยเร็ว และต้องดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง จะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้เจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการการเมือง รวมถึงข้าราชการประจำปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองอย่างเคร่งครัด
สภาทนายความ เห็นว่า สำหรับกรณีปราสาทเขาพระวิหารนั้น องค์การยูเนสโกมีหน้าที่เพียงแต่เสนอข้อเท็จจริงให้คณะกรรมการมรดกโลกเป็นผู้พิจารณาเท่านั้น และยังเห็นว่า นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะไปร่วมลงนามกับรัฐบาลกัมพูชา จนกว่าจะมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขมาตรา 190 ก่อน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการทำหนังสือแจ้งให้กับคณะกรรมการมรดกโลก ทราบถึงผลคำสั่งของศาลปกครองโดยเร็ว และต้องดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง จะต้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้เจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการการเมือง รวมถึงข้าราชการประจำปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองอย่างเคร่งครัด