นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งทุเลาการบังคับตามที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางปรับขึ้นค่าบริการและค่าธรรมเนียมรถปรับอากาศ ว่าเป็นไปตามที่ยื่นอุทธรณ์ชี้แจงไป ว่า การขึ้นค่าโดยสารรวมกับค่าบริการและค่าธรรมเนียมที่สะดวกสบาย เป็นการเลือกซื้อของผู้โดยสาร ซึ่งกรมการขนส่งฯ ได้แจ้งไปยังผู้ประกอบการรถ บขส. และรถร่วมบริการ บขส. ในต่างจังหวัด และรถระหว่างจังหวัด ให้นำใบอนุญาตประกอบการมาแก้ไขได้ตั้งแต่วันนี้ (12 มิ.ย.) เป็นต้นไป เพื่อปรับขึ้นค่าโดยสาร
นายชัยรัตน์ ยังกล่าวถึงการขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารแท็กซี่ว่า วันนี้จะส่งผลสรุปการเจรจาอัตราค่าโดยสารให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา และออกเป็นประกาศกระทรวง ซึ่งอัตราที่จะปรับขึ้นเป็นไปตามต้นทุนค่าบริการที่เพิ่มขึ้นจริง และหารือร่วมกับผู้ประกอบการรถแท็กซี่แล้ว หลังจากเคยเสนอขอขึ้นมาโดยตลอด แต่เป็นช่วงเปลี่ยนรัฐบาล จนกระทั่งมาถึงขณะนี้ ประสบกับภาวะน้ำมันแพง และมีข้อตกลงว่า หากได้รับการพิจารณาขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่แล้ว จะต้องไม่มีการต่อรองค่าโดยสารนอกจากการกดมิเตอร์ ไม่ว่าผู้โดยสารจะเรียกบริการไปที่ใด โดยปรับขึ้นจาก 2 กิโลเมตรแรก 35 บาท เป็น 1 กิโลเมตรแรก 35 บาท และกิโลเมตรที่ 2 ปรับเพิ่มอีกกิโลเมตรละ 50 สตางค์ ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยแล้วผู้โดยสารต่อเที่ยวจะวิ่งที่ประมาณ 10-16 กิโลเมตร ซึ่งจะต้องเพิ่มค่าโดยสารประมาณ 8-10 บาท
นายชัยรัตน์ ยังกล่าวถึงการขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารแท็กซี่ว่า วันนี้จะส่งผลสรุปการเจรจาอัตราค่าโดยสารให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา และออกเป็นประกาศกระทรวง ซึ่งอัตราที่จะปรับขึ้นเป็นไปตามต้นทุนค่าบริการที่เพิ่มขึ้นจริง และหารือร่วมกับผู้ประกอบการรถแท็กซี่แล้ว หลังจากเคยเสนอขอขึ้นมาโดยตลอด แต่เป็นช่วงเปลี่ยนรัฐบาล จนกระทั่งมาถึงขณะนี้ ประสบกับภาวะน้ำมันแพง และมีข้อตกลงว่า หากได้รับการพิจารณาขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่แล้ว จะต้องไม่มีการต่อรองค่าโดยสารนอกจากการกดมิเตอร์ ไม่ว่าผู้โดยสารจะเรียกบริการไปที่ใด โดยปรับขึ้นจาก 2 กิโลเมตรแรก 35 บาท เป็น 1 กิโลเมตรแรก 35 บาท และกิโลเมตรที่ 2 ปรับเพิ่มอีกกิโลเมตรละ 50 สตางค์ ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยแล้วผู้โดยสารต่อเที่ยวจะวิ่งที่ประมาณ 10-16 กิโลเมตร ซึ่งจะต้องเพิ่มค่าโดยสารประมาณ 8-10 บาท
