นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและประชามติ กล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 23 ครั้ง ทั้งการเลือกตั้งแบบรวมเขต แบ่งเขต และแบบผสม หากพิจารณาจากจำนวนครั้งของการเลือกตั้ง ทำให้ดูเหมือนว่าประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีความมั่นคง แต่ในความเป็นจริงมิได้เป็นเช่นนั้น และแม้ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุ.ศ. 2540 ได้กำเนิดคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความสุจริตแต่เพียงองค์กรเดียว ไม่สามารถทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมได้ ดังนั้น ในฐานะที่ตนเองกำกับดูแลกิจการพรรคการเมืองและประชามติ จึงเห็นว่าการสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคการเมือง และความร่วมมือจากภาครัฐและภาคประชาชน จะทำให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทยเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
นางสดศรี กล่าวถึงทิศทางการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งในอนาคต ว่า ควรดำเนินการแบบคู่ขนานระหว่างการจัดการเลือกตั้งกับการพัฒนาบุคลากรทางการเมืองรวมทั้งประชาชน ให้มีความรู้ความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของตนเอง พร้อมยืนยันคณะกรรมการการเลือกตั้งมีจุดประสงค์และเป้าหมายที่จะจัดตั้งสถาบันพัฒนาทางการเมืองและการเลือกตั้ง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นางสดศรี ให้คำมั่นสัญญาว่า กรรมการการเลือกตั้งทุกคนมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
นางสดศรี กล่าวถึงทิศทางการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งในอนาคต ว่า ควรดำเนินการแบบคู่ขนานระหว่างการจัดการเลือกตั้งกับการพัฒนาบุคลากรทางการเมืองรวมทั้งประชาชน ให้มีความรู้ความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของตนเอง พร้อมยืนยันคณะกรรมการการเลือกตั้งมีจุดประสงค์และเป้าหมายที่จะจัดตั้งสถาบันพัฒนาทางการเมืองและการเลือกตั้ง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นางสดศรี ให้คำมั่นสัญญาว่า กรรมการการเลือกตั้งทุกคนมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ