พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมสัมมานาเชิงปฏิบัติการ การผลิตข้าวอินทรีย์สู่สากลครั้งที่ 3/2551 ที่ศูนย์ประชุมแก่งเลิงจาน จ.มหาสารคาม โดย พล.อ.ชวลิต ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมฯ ร่วมฟังการประชุมก่อนออกมาให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า อาหารไทยเป็นอาหารที่มีคุณค่ามหาศาล ดีต่อสุขภาพ แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก จึงอยากจัดตั้งสถาบันอาหารขึ้นมาดำเนินการ ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พาชาวต่างชาติมาดูการทำนาในไทย มองว่าคนต่างประเทศเริ่มสนใจเรื่องข้าวมากขึ้น ส่วนคนอื่นคิดอย่างไรตนไม่ทราบ ส่วนที่หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยคงคิดว่าต่างชาติจะมาทำนาในไทย ซึ่งตนคิดว่าเป็นไปได้ยาก คนไทยยังต้องทำอยู่ ความมุ่งหมายหลักคงเป็นเรื่องการมาดูการทำนา กำหนดราคาที่ชัดเจน คาดว่าอนาคตจะดีขึ้น
สำหรับสถานการณ์ทางการเมือง พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ เพราะวางมือไปแล้ว แต่ในเรื่องของการช่วยเหลือประชาชน มองว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนไม่เฉพาะนักการเมือง ทุกคนในรัฐบาลต้องช่วยเหลือกัน ส่วนการชุมนุนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็เป็นเรื่องธรรมดาของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สามารถทำได้ เพราะทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็น ถ้าไม่มีคงเหงาตายกันหมด แต่ตนว่าน่าจะพอ ยุติกันได้แล้ว เพราะขณะนี้บ้านเมืองบอบช้ำมาพอแล้ว ซึ่งตนรู้สึกว่ารัฐบาลก็โอนอ่อนพอสมควร ดังนั้นทุกฝ่ายต้องหันหน้าพูดคุยกัน เชื่อว่าความรับผิดชอบในตัวบุคคลของแต่ละคนยังมีอยู่ คงรู้ว่าอะไรเหมาะสม ไม่เหมาะสม คิดว่าสุดท้ายทุกอย่างคงจบลงด้วยดี
ขณะที่กรณีของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็คงรู้ตัวดีอยู่แล้ว ว่าไม่เหมาะสมอย่างไร หากเป็นความจริงก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะเรื่องของการหมิ่นเบื้องสูงนั้น เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนยอมไม่ได้
สำหรับสถานการณ์ทางการเมือง พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ เพราะวางมือไปแล้ว แต่ในเรื่องของการช่วยเหลือประชาชน มองว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนไม่เฉพาะนักการเมือง ทุกคนในรัฐบาลต้องช่วยเหลือกัน ส่วนการชุมนุนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็เป็นเรื่องธรรมดาของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สามารถทำได้ เพราะทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็น ถ้าไม่มีคงเหงาตายกันหมด แต่ตนว่าน่าจะพอ ยุติกันได้แล้ว เพราะขณะนี้บ้านเมืองบอบช้ำมาพอแล้ว ซึ่งตนรู้สึกว่ารัฐบาลก็โอนอ่อนพอสมควร ดังนั้นทุกฝ่ายต้องหันหน้าพูดคุยกัน เชื่อว่าความรับผิดชอบในตัวบุคคลของแต่ละคนยังมีอยู่ คงรู้ว่าอะไรเหมาะสม ไม่เหมาะสม คิดว่าสุดท้ายทุกอย่างคงจบลงด้วยดี
ขณะที่กรณีของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็คงรู้ตัวดีอยู่แล้ว ว่าไม่เหมาะสมอย่างไร หากเป็นความจริงก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะเรื่องของการหมิ่นเบื้องสูงนั้น เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนยอมไม่ได้