รถตู้โดยสารสายพัทลุง - หาดใหญ่ ซึ่งมีอยู่ 106 คัน ในวันนี้หยุดวิ่งกว่า 70 คัน เนื่องจากทนแบกรับภาระน้ำมันแพงไม่ไหว ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีการปรับราคามาแล้ว 2 ครั้ง เป็น 70 บาท และ 90 บาท แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่คุ้มทุน โดยกลุ่มรถตู้โดยสารบอกว่าค่าโดยสารที่พออยู่ได้คือ 100 บาท
ส่วนรถตู้สายนราธิวาส - หาดใหญ่ วันนี้ก็ขึ้นราคาอีก 20 บาท เป็น 170 บาท ทำให้ชาวบ้านที่ไปใช้บริการเดือดร้อน เพราะไม่ทราบล่วงหน้า
ขณะที่รถสองแถวใน จ.ตรัง ซึ่งวิ่งระยะสั้นระหว่างอำเภอ ขณะนี้เหลือวิ่งอยู่เพียง 10 กว่าคันเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกกว่า 40 คัน หยุดวิ่ง แต่ที่วิ่งอยู่ก็ขอขึ้นค่าโดยสารอีก 5 บาท เช่นเดียวกับรถแท็กซี่สายตรัง - ห้วยยอด ที่มีอยู่ประมาณ 40 คัน ตอนนี้หยุดวิ่งไปเกือบหมดแล้ว
ส่วนที่ภาคอีสาน รถสองแถวที่ อ.บึงกาฬ และอำเภอใกล้เคียงใน จ.หนองคาย ต้องใช้วิธีวิ่งสลับวันกัน เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการเดือดร้อน และเตรียมปรับราคาขึ้นอีก 5 บาท เพื่อความอยู่รอด
ทางด้านปั๊มน้ำมันเล็กและขนาดใหญ่ใน จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ ทนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ต้องปิดตัวเองชั่วคราวไปแล้วหลายแห่ง ส่วนปั๊มน้ำมันตามอำเภอก็ต้องเปลี่ยนจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซล ไปเป็นไบโอดีเซลแทน เพราะมีราคาถูกกว่า
ขณะที่ปั๊มน้ำมันในภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ จ.เชียงราย น้ำมันดีเซลจำหน่ายลิตรละ 41.28 บาท ราคาแซงหน้าน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ที่จำหน่ายอยู่ที่ลิตรละ 40.53 บาท ส่วนที่ อ.พาน สหกรณ์การเกษตรเมืองพาน ได้ช่วยเหลือสมาชิกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ด้วยการขายน้ำมันดีเซลให้ในราคา 38.46 บาท ทำให้เกษตรกรประหยัดเงินไปได้มาก โดยชาวนาบางคนต้องนำควายไปใช้ไถนาแทนการใช้รถไถนาแล้ว เพราะสู้ราคาไม่ไหว
ราคาน้ำมันในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลักลอบขนน้ำมันเถื่อนทางภาคใต้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยที่ จ.สตูล สามารถจับกุมได้อีกราย เป็นน้ำมันดีเซลจำนวน 540 ลิตร ที่ลักลอบขนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยมากับเรือหางยาว แต่ในประเทศลาว ราคาน้ำมันที่สูงกว่าประเทศไทยถึงลิตรละ 10-15 บาท ทำให้ จ.หนองคาย ด้านติดชายแดน ต้องคุมเข้มแพขนานยนต์ ป้องกันการลักลอบนำน้ำมันข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ ชนเผ่าตองเหลืองที่หมู่บ้านห้วยหยวก จ.น่าน ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันแพงเช่นกัน เพราะบ้านของพวกเขาอยู่กลางป่าเขา มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 140 คน ถึงแม้จะไม่มีรถยนต์ แต่ก็ได้รวบรวมกันซื้อรถจักรยานยนต์ไว้สำหรับใช้ในหมู่บ้าน 4 คัน ส่วนใหญ่เป็นการนำผู้ป่วยไปโรงพยาบาล และจำเป็นต้องไปเติมน้ำมันกับหมู่บ้านอื่นๆ ที่ขายในราคาแพงถึงลิตรละ 46 บาท ชาวบ้านดังกล่าวระบุว่า หากไม่จำเป็นจริงๆ คงต้องกลับไปใช้วิธีเดินเท้าเหมือนแต่ก่อนแทน
ส่วนรถตู้สายนราธิวาส - หาดใหญ่ วันนี้ก็ขึ้นราคาอีก 20 บาท เป็น 170 บาท ทำให้ชาวบ้านที่ไปใช้บริการเดือดร้อน เพราะไม่ทราบล่วงหน้า
ขณะที่รถสองแถวใน จ.ตรัง ซึ่งวิ่งระยะสั้นระหว่างอำเภอ ขณะนี้เหลือวิ่งอยู่เพียง 10 กว่าคันเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกกว่า 40 คัน หยุดวิ่ง แต่ที่วิ่งอยู่ก็ขอขึ้นค่าโดยสารอีก 5 บาท เช่นเดียวกับรถแท็กซี่สายตรัง - ห้วยยอด ที่มีอยู่ประมาณ 40 คัน ตอนนี้หยุดวิ่งไปเกือบหมดแล้ว
ส่วนที่ภาคอีสาน รถสองแถวที่ อ.บึงกาฬ และอำเภอใกล้เคียงใน จ.หนองคาย ต้องใช้วิธีวิ่งสลับวันกัน เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการเดือดร้อน และเตรียมปรับราคาขึ้นอีก 5 บาท เพื่อความอยู่รอด
ทางด้านปั๊มน้ำมันเล็กและขนาดใหญ่ใน จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ ทนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ต้องปิดตัวเองชั่วคราวไปแล้วหลายแห่ง ส่วนปั๊มน้ำมันตามอำเภอก็ต้องเปลี่ยนจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซล ไปเป็นไบโอดีเซลแทน เพราะมีราคาถูกกว่า
ขณะที่ปั๊มน้ำมันในภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ จ.เชียงราย น้ำมันดีเซลจำหน่ายลิตรละ 41.28 บาท ราคาแซงหน้าน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ที่จำหน่ายอยู่ที่ลิตรละ 40.53 บาท ส่วนที่ อ.พาน สหกรณ์การเกษตรเมืองพาน ได้ช่วยเหลือสมาชิกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ด้วยการขายน้ำมันดีเซลให้ในราคา 38.46 บาท ทำให้เกษตรกรประหยัดเงินไปได้มาก โดยชาวนาบางคนต้องนำควายไปใช้ไถนาแทนการใช้รถไถนาแล้ว เพราะสู้ราคาไม่ไหว
ราคาน้ำมันในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การลักลอบขนน้ำมันเถื่อนทางภาคใต้ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยที่ จ.สตูล สามารถจับกุมได้อีกราย เป็นน้ำมันดีเซลจำนวน 540 ลิตร ที่ลักลอบขนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยมากับเรือหางยาว แต่ในประเทศลาว ราคาน้ำมันที่สูงกว่าประเทศไทยถึงลิตรละ 10-15 บาท ทำให้ จ.หนองคาย ด้านติดชายแดน ต้องคุมเข้มแพขนานยนต์ ป้องกันการลักลอบนำน้ำมันข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ ชนเผ่าตองเหลืองที่หมู่บ้านห้วยหยวก จ.น่าน ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันแพงเช่นกัน เพราะบ้านของพวกเขาอยู่กลางป่าเขา มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 140 คน ถึงแม้จะไม่มีรถยนต์ แต่ก็ได้รวบรวมกันซื้อรถจักรยานยนต์ไว้สำหรับใช้ในหมู่บ้าน 4 คัน ส่วนใหญ่เป็นการนำผู้ป่วยไปโรงพยาบาล และจำเป็นต้องไปเติมน้ำมันกับหมู่บ้านอื่นๆ ที่ขายในราคาแพงถึงลิตรละ 46 บาท ชาวบ้านดังกล่าวระบุว่า หากไม่จำเป็นจริงๆ คงต้องกลับไปใช้วิธีเดินเท้าเหมือนแต่ก่อนแทน