คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้จัดเวทีวุฒิสภาประชาชน ครั้งที่ 1 เรื่อง”ปากท้องประชาชน ปรับทุกข์วุฒิสภา” โดยมีประชาชนจากทุกสาขาอาชีพร่วมเสวนากว่า 100 คน โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานในพิธีเปิด
นางกิมอัง พงษ์นารายณ์ ตัวแทนชาวนาจากจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า แม้ราคาข้าวจะราคาสูงมากขึ้น แต่ความเป็นอยู่ของชาวนายังแร้นแค้นเพราะทุกอย่างราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยระบุว่าอยากใช้ชีวิตแบบพอเพียงและใช้ปุ๋ยชีวภาพแทนใช้ปุ๋ยเคมี จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเหลียวแล โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ปัญหาปากท้อง รวมถึงหาลู่ทางสถาบันการเงินที่อัตราดอกเบี้ยถูกด้วย
ด้านนายเสน่ห์ เขื่อนแก้ว ประธานชมรมแท็กซี่ กล่าวว่ารัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ใช้ทั้งก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี แต่กลับไม่ขยายปั๊มที่ให้บริการ ทำให้เกิดความเดือดร้อนกันไปทั่ว จึงอยากให้รัฐบาลมีความจริงใจในการดำเนินการถึงผลกระทบจากชนชั้นที่มีรายได้น้อย ไม่ใช่ว่าให้นโยบายมา แต่รูปธรรมในการดำเนินการกลับยังไม่เห็นผล
ขณะที่นางประทิน เวคะวากยานนท์ ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ทุกวันนี้จะไม่มีข้าวกินอยู่แล้ว เพราะแม้กระทั่งราคารถเมล์ที่ทั้งผู้ใช้แรงงานและผู้มีรายได้น้อยยังปรับตัวสูงขึ้น จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาลเอาจริงในการแก้ปัญหาและหาทางช่วยเหลือผู้มีรายได้เหล่านี้ เพราะเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าปัญหาปากท้องได้สร้างปัญหาให้กับประชาชนทุกชนชั้นแล้ว ไม่ใช่รัฐบาลมัวแต่จะแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นปัญหาไกลตัวประชาชนเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดงานในครั้งนี้ กล่าวว่า ปัญหาที่ชาวบ้านสะท้อนมาเพียงส่วนหนึ่ง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะต้องสั่งการให้รัฐมนตรีและหน่วยงานแก้ปัญหาอย่างจริงจังและจริงใจ รวมถึงอยากฝากผ่านสื่อมวลชนทุกแขนงให้เห็นถึงความสำคัญ และความเดือดร้อน รวมถึงสะท้อนปัญหาของชาวบ้านอย่างเป็นรูปธรรมด้วย
นางกิมอัง พงษ์นารายณ์ ตัวแทนชาวนาจากจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า แม้ราคาข้าวจะราคาสูงมากขึ้น แต่ความเป็นอยู่ของชาวนายังแร้นแค้นเพราะทุกอย่างราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยระบุว่าอยากใช้ชีวิตแบบพอเพียงและใช้ปุ๋ยชีวภาพแทนใช้ปุ๋ยเคมี จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเหลียวแล โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ปัญหาปากท้อง รวมถึงหาลู่ทางสถาบันการเงินที่อัตราดอกเบี้ยถูกด้วย
ด้านนายเสน่ห์ เขื่อนแก้ว ประธานชมรมแท็กซี่ กล่าวว่ารัฐบาลมีนโยบายที่จะให้ใช้ทั้งก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี แต่กลับไม่ขยายปั๊มที่ให้บริการ ทำให้เกิดความเดือดร้อนกันไปทั่ว จึงอยากให้รัฐบาลมีความจริงใจในการดำเนินการถึงผลกระทบจากชนชั้นที่มีรายได้น้อย ไม่ใช่ว่าให้นโยบายมา แต่รูปธรรมในการดำเนินการกลับยังไม่เห็นผล
ขณะที่นางประทิน เวคะวากยานนท์ ประธานเครือข่ายสลัม 4 ภาค กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ทุกวันนี้จะไม่มีข้าวกินอยู่แล้ว เพราะแม้กระทั่งราคารถเมล์ที่ทั้งผู้ใช้แรงงานและผู้มีรายได้น้อยยังปรับตัวสูงขึ้น จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาลเอาจริงในการแก้ปัญหาและหาทางช่วยเหลือผู้มีรายได้เหล่านี้ เพราะเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าปัญหาปากท้องได้สร้างปัญหาให้กับประชาชนทุกชนชั้นแล้ว ไม่ใช่รัฐบาลมัวแต่จะแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นปัญหาไกลตัวประชาชนเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดงานในครั้งนี้ กล่าวว่า ปัญหาที่ชาวบ้านสะท้อนมาเพียงส่วนหนึ่ง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะต้องสั่งการให้รัฐมนตรีและหน่วยงานแก้ปัญหาอย่างจริงจังและจริงใจ รวมถึงอยากฝากผ่านสื่อมวลชนทุกแขนงให้เห็นถึงความสำคัญ และความเดือดร้อน รวมถึงสะท้อนปัญหาของชาวบ้านอย่างเป็นรูปธรรมด้วย
