พิจิตร - ประธานสหกรณ์แกนนำชาวนาขู่เอาแน่ ถ้ารัฐบาลดันทุรังจะแก้รัฐธรรมนูญ ประกาศพร้อมเคลื่อนพลเข้าชุมนุม พร้อมแนะรัฐบาลอย่ากดราคาข้าวควรจัดหาข้าวสารสวัสดิการขายในราคาถูก ช่วยให้คนปลูกข้าวขาย-คนซื้อข้าวกิน อยู่ร่วมกันได้ไม่เกิดกลียุคข้าวยากหมากแพงอย่างที่หลายฝ่ายวิตก
นายสมเกียรติ์ โสภณพิพัฒน์ อายุ 46 ปี ประธานชมรนสหกรณ์จังหวัดพิจิตร ที่มีสมาชิกเครือข่ายสหกรณ์ต่างๆ ใน จ.พิจิตร 44 สหกรณ์ และมีสมาชิกเป็นภาคเกษตรกรมากกว่า 5 หมื่นคน, อดีตกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญประจำจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะมาตรา 237, 309 เนื่องจากไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน หรือเกี่ยวกับปากท้องของชาวบ้าน แต่การที่นักการเมืองตัวแทนของประชาชนอยากแก้รัฐธรรมนูญล้วนแล้วแต่เป็นผลประโยชน์ต่อนักการเมืองที่มีเจตนาหลบเลี่ยงการทุจริตคอร์รัปชัน ในการเลือกตั้งของตนเองและพรรคพวกทั้งสิ้น
ดังนั้น ถ้าสภาผู้แทนราษฎรมีการเคลื่อนไหวเพื่อจะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนทีมีการลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญของคนทั้งประเทศ ก็พร้อมที่ระดมพลสภาประชาชนระดับรากหญ้าที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมที่จะเคลื่อนไหวต่อสู้ทันที ซึ่งอาจมีการแบ่งมวลชนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกไปร่วมชุมนุมกับฝ่ายพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตยที่กรุงเทพฯ, กลุ่มที่สองก็จะออกกระจายตามหมู่บ้านต่างๆ ให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนถึงผลเสียและสิ่งเลวร้ายที่จะตามมาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำเพื่อคนกลุ่มเดียว
นายสมเกียรติ์ ยังกล่าวอีกว่า ถ้ามีนักการเมืองคนใดออกมากดราคาข้าวเพื่อเอาใจนักธุรกิจ หรือเอาใจประเทศที่รับซื้อเพื่อการส่งออกก็พร้อมที่จะต่อสู้ถวายชีวิตด้วยเช่นกัน เพราะขณะนี้เป็นโอกาสทองของชาวนาที่จะลืมตาอ้าปากได้
ดังนั้น รัฐบาลต้องคิดเพื่อชาวนาไม่ใช่คิดเพื่อนายทุน โดยเฉพาะขณะนี้ข้าวจังหวัดพิจิตรมีราคาพุ่งสูงไปถึง 11,500 บาท ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์ชัยนาท 1 ความชื้นเกิน 15% ด้วยซ้ำ ในส่วนของประชาชนที่ไม่ใช่ชาวนา ประมาณ 30% รัฐบาลควรจะต้องหาข้าวสารสวัสดิการขายในราคาถูก เพียงเท่านี้ ทั้งคนปลูกข้าวขายและคนซื้อข้าวกินก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขไม่เกิดกลียุคข้าวยากหมากแพงอย่างที่หลายฝ่ายวิตก
นายสมเกียรติ์ โสภณพิพัฒน์ อายุ 46 ปี ประธานชมรนสหกรณ์จังหวัดพิจิตร ที่มีสมาชิกเครือข่ายสหกรณ์ต่างๆ ใน จ.พิจิตร 44 สหกรณ์ และมีสมาชิกเป็นภาคเกษตรกรมากกว่า 5 หมื่นคน, อดีตกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญประจำจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะมาตรา 237, 309 เนื่องจากไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน หรือเกี่ยวกับปากท้องของชาวบ้าน แต่การที่นักการเมืองตัวแทนของประชาชนอยากแก้รัฐธรรมนูญล้วนแล้วแต่เป็นผลประโยชน์ต่อนักการเมืองที่มีเจตนาหลบเลี่ยงการทุจริตคอร์รัปชัน ในการเลือกตั้งของตนเองและพรรคพวกทั้งสิ้น
ดังนั้น ถ้าสภาผู้แทนราษฎรมีการเคลื่อนไหวเพื่อจะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนทีมีการลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญของคนทั้งประเทศ ก็พร้อมที่ระดมพลสภาประชาชนระดับรากหญ้าที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมที่จะเคลื่อนไหวต่อสู้ทันที ซึ่งอาจมีการแบ่งมวลชนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกไปร่วมชุมนุมกับฝ่ายพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตยที่กรุงเทพฯ, กลุ่มที่สองก็จะออกกระจายตามหมู่บ้านต่างๆ ให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนถึงผลเสียและสิ่งเลวร้ายที่จะตามมาของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำเพื่อคนกลุ่มเดียว
นายสมเกียรติ์ ยังกล่าวอีกว่า ถ้ามีนักการเมืองคนใดออกมากดราคาข้าวเพื่อเอาใจนักธุรกิจ หรือเอาใจประเทศที่รับซื้อเพื่อการส่งออกก็พร้อมที่จะต่อสู้ถวายชีวิตด้วยเช่นกัน เพราะขณะนี้เป็นโอกาสทองของชาวนาที่จะลืมตาอ้าปากได้
ดังนั้น รัฐบาลต้องคิดเพื่อชาวนาไม่ใช่คิดเพื่อนายทุน โดยเฉพาะขณะนี้ข้าวจังหวัดพิจิตรมีราคาพุ่งสูงไปถึง 11,500 บาท ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์ชัยนาท 1 ความชื้นเกิน 15% ด้วยซ้ำ ในส่วนของประชาชนที่ไม่ใช่ชาวนา ประมาณ 30% รัฐบาลควรจะต้องหาข้าวสารสวัสดิการขายในราคาถูก เพียงเท่านี้ ทั้งคนปลูกข้าวขายและคนซื้อข้าวกินก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขไม่เกิดกลียุคข้าวยากหมากแพงอย่างที่หลายฝ่ายวิตก
