แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งขณะนี้ตามกฎหมายเรียกว่า "กลุ่มผู้ริเริ่มในการยื่นถอดถอนสมาชิกรัฐสภาที่เข้าชื่อในญัตติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ" ได้เดินทางถึงยังอาคารรัฐสภาแล้ว โดยได้พบกับนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา โดยแกนนำพันธมิตรฯ ได้แจงความผิดซึ่งเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้ ว่า การจะยื่นถอดถอนสมาชิกรัฐสภา จะต้องมีการแจงความผิดอย่างชัดเจน โดยเบื้องต้นได้แจงความผิดทั้งหมด 4 ข้อ โดยในส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้แจงความผิดว่า เนื่องจาก ส.ส.ที่ลงชื่อในญัตติส่วนหนึ่งนั้นกำลังถูกพิจารณาคดี และมีคดีที่คาบเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง ก็ถือว่าพรรคการเมืองนั้นๆ มีส่วนได้ส่วนเสียในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามร่างฯ ที่มีการเสนอแก้ไข ก็ถือว่ามีผลประโยชน์ขัดกัน
ขณะที่ในข้อที่ 2 ซึ่งเป็นความผิดของสมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า ตามร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น มีจุดมุ่งหมายเปลี่ยนโครงสร้างวุฒิสภา ทั้งที่มา อำนาจหน้าที่ โดยจะให้มีการยุบเลิก ส.ว. ที่มาจากการสรรหาทิ้ง ฉะนั้น ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งบางส่วนที่ร่วมลงชื่อ ก็ถือว่าผลประโยชน์ขัดกัน
ส่วนข้อที่ 3 เห็นว่ารูปแบบที่เสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2550 และความผิดข้อสุดท้าย ข้อ 4 เห็นว่าเป็นความผิดตามมาตรา 64 ที่พบว่าการเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้นไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ทั้งนี้ ต้องจับดูว่าขั้นตอนต่อไปหลังจากประธานวุฒิสภารับเรื่องแล้ว จะกำหนดกรอบระยะเวลากี่วัน เพราะหลังจากวันนี้กลุ่มผู้ริเริ่มมายื่นแล้ว ตามขั้นตอนก็จะต้องนำรายชื่อ 20,000 ชื่อ มายื่นให้ครบ ตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 164 กำหนดไว้ต่อไป
ขณะที่ในข้อที่ 2 ซึ่งเป็นความผิดของสมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า ตามร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น มีจุดมุ่งหมายเปลี่ยนโครงสร้างวุฒิสภา ทั้งที่มา อำนาจหน้าที่ โดยจะให้มีการยุบเลิก ส.ว. ที่มาจากการสรรหาทิ้ง ฉะนั้น ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งบางส่วนที่ร่วมลงชื่อ ก็ถือว่าผลประโยชน์ขัดกัน
ส่วนข้อที่ 3 เห็นว่ารูปแบบที่เสนอในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2550 และความผิดข้อสุดท้าย ข้อ 4 เห็นว่าเป็นความผิดตามมาตรา 64 ที่พบว่าการเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้นไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ทั้งนี้ ต้องจับดูว่าขั้นตอนต่อไปหลังจากประธานวุฒิสภารับเรื่องแล้ว จะกำหนดกรอบระยะเวลากี่วัน เพราะหลังจากวันนี้กลุ่มผู้ริเริ่มมายื่นแล้ว ตามขั้นตอนก็จะต้องนำรายชื่อ 20,000 ชื่อ มายื่นให้ครบ ตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 164 กำหนดไว้ต่อไป