บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจค่าใช้จ่ายช่วงเปิดเทอมทั้งระบบ ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงระดับอุดมศึกษา ปี 2551 คาดว่าจะเกิดเงินสะพัดสูงถึง 50,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในช่วงเปิดเทอมปี 2550 แล้วใกล้เคียงกัน โดยบรรดาผู้ปกครองมีการปรับตัวเพื่อเตรียมรับปัญหาในช่วงเปิดเทอมแยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกจะหันมาซื้อชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนเร็วขึ้น โดยเลือกซื้อตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่บรรดาผู้ประกอบการให้ส่วนลดมากที่สุดถึงร้อยละ 20-30 และยังได้รับความสะดวกในการเลือกซื้อ เนื่องจากลูกค้ายังไม่แน่นเหมือนช่วงใกล้เปิดเทอม
ส่วนผู้ปกครองอีกกลุ่มหนึ่งจะเน้นประหยัด ลดปริมาณในการซื้อชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน และตัดสินใจซื้อในช่วงใกล้เปิดเทอม หรือบางส่วนเน้นการซื้อเท่าที่จำเป็นและเลื่อนการซื้อไปในช่วงเทอม 2 แทน เนื่องจากต้องเกลี่ยค่าใช้จ่ายรายเดือนไม่ให้เกิดปัญหาเงินขาดมือ
สำหรับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม ปี 2551 ในส่วนที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ ชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน ซึ่งผู้ปกครองจะเน้นประหยัด และใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายส่วนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ค่าใช้จ่ายสมทบ โดยสถานศึกษาบางแห่งเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสมทบเพิ่มขึ้น และผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยส่งบุตร/หลานเข้าศึกษาในหลักสูตรพิเศษ เช่น หลักสูตรการเรียนสองภาษา และหลักสูตรนานาชาติ เป็นต้น โดยยินดีเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แม้ว่าค่าใช้จ่ายของหลักสูตรเหล่านี้จะสูงกว่าหลักสูตรปกติประมาณ 2-3 เท่าตัวก็ตาม เนื่องจากถือว่าเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีของบุตรหลาน
ส่วนผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับช่วงเปิดเทอมปี 2551 ต่างก็การเร่งปรับกลยุทธ์ทางการตลาดกันอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ผลิตเครื่องแบบนักเรียนและรองเท้านักเรียน เนื่องจากผู้ปกครองเน้นประหยัดและรัดเข็มขัดให้การใช้จ่ายได้ประโยชน์สูงสุดไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ผู้ประกอบการอยู่ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ดังนั้น จึงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาและช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า และการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าในรูปแบบต่างๆ เพื่อจูงใจบรรดาผู้ปกครองให้เลือกซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น
ส่วนผู้ปกครองอีกกลุ่มหนึ่งจะเน้นประหยัด ลดปริมาณในการซื้อชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน และตัดสินใจซื้อในช่วงใกล้เปิดเทอม หรือบางส่วนเน้นการซื้อเท่าที่จำเป็นและเลื่อนการซื้อไปในช่วงเทอม 2 แทน เนื่องจากต้องเกลี่ยค่าใช้จ่ายรายเดือนไม่ให้เกิดปัญหาเงินขาดมือ
สำหรับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม ปี 2551 ในส่วนที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ ชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน ซึ่งผู้ปกครองจะเน้นประหยัด และใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายส่วนที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ค่าใช้จ่ายสมทบ โดยสถานศึกษาบางแห่งเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสมทบเพิ่มขึ้น และผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยส่งบุตร/หลานเข้าศึกษาในหลักสูตรพิเศษ เช่น หลักสูตรการเรียนสองภาษา และหลักสูตรนานาชาติ เป็นต้น โดยยินดีเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แม้ว่าค่าใช้จ่ายของหลักสูตรเหล่านี้จะสูงกว่าหลักสูตรปกติประมาณ 2-3 เท่าตัวก็ตาม เนื่องจากถือว่าเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีของบุตรหลาน
ส่วนผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับช่วงเปิดเทอมปี 2551 ต่างก็การเร่งปรับกลยุทธ์ทางการตลาดกันอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ผลิตเครื่องแบบนักเรียนและรองเท้านักเรียน เนื่องจากผู้ปกครองเน้นประหยัดและรัดเข็มขัดให้การใช้จ่ายได้ประโยชน์สูงสุดไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ผู้ประกอบการอยู่ท่ามกลางภาวะการแข่งขันที่รุนแรง ดังนั้น จึงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาและช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า และการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าในรูปแบบต่างๆ เพื่อจูงใจบรรดาผู้ปกครองให้เลือกซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น