นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ว่า ธปท. ได้มีการประเมินราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นไว้แล้วว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร โดยในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับล่าสุดเดือนเมษายน 2551 ธปท.ได้ปรับเพิ่มประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 2551 จาก 85.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 112.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ ธปท.ประเมินไว้ อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังต้องติดตามราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด หากราคาปรับสูงขึ้นกว่านี้ ธปท. คงจะต้องมาประเมินสถานการณ์กันใหม่
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ธปท.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2551 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 4.8-6 จากประมาณการเดิมที่ร้อยละ 4.5-6 เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นส่งผลให้มูลค่าการส่งออกปีนี้ของไทยไม่ลดต่ำลงอย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ส่วนอัตราเงินเฟ้อ ก็มีการปรับขึ้นเช่นกันเนื่องจากราคาสินค้า และราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น มีผลต่อต้นทุนการผลิต ธปท.จึงได้ปรับประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.8-4 ในการประมาณการครั้งก่อนเพิ่มเป็นร้อยละ 4.5 และเพิ่มประมาณเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.3-2.3 เป็นร้อยละ 1.5-2.5
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ธปท.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2551 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 4.8-6 จากประมาณการเดิมที่ร้อยละ 4.5-6 เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นส่งผลให้มูลค่าการส่งออกปีนี้ของไทยไม่ลดต่ำลงอย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ส่วนอัตราเงินเฟ้อ ก็มีการปรับขึ้นเช่นกันเนื่องจากราคาสินค้า และราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น มีผลต่อต้นทุนการผลิต ธปท.จึงได้ปรับประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.8-4 ในการประมาณการครั้งก่อนเพิ่มเป็นร้อยละ 4.5 และเพิ่มประมาณเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.3-2.3 เป็นร้อยละ 1.5-2.5