ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด เตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะมีผลกระทบทำให้ปัญหาราคาข้าวของแพงขึ้น ซึ่งหากหยุดลดอัตราดอกเบี้ยก็จะช่วยบรรเทาปัญหานี้ลงได้ โดยกำหนดการประชุมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 เมษายนเป็นเวลา 2 วัน โดยคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาดที่ได้รับผลกระทบจากหนี้ด้อยคุณภาพในภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือซับไพรม์ จนทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ของเฟด นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนรายหลายไม่เห็นด้วยที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีก แม้จะเป็นจำนวนเล็กน้อยก็ตามโดยเห็นว่าการลดดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยผู้บริโภคมากนัก ในทางกลับกันกลับทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนมากขึ้น เพราะว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดนั้น จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลงไปอีก ส่งผลต่อเนื่องให้นักลงทุนโยกเงินออกจากตลาดหันไปลงทุนหากำไรจากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งนักลงทุนเชื่อว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอาหารและนำมันพุ่งสูงขึ้น โดยวิธีที่ดีที่สุดเฟดควรหยุดลดดอกเบี้ยในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ของเฟด นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนรายหลายไม่เห็นด้วยที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีก แม้จะเป็นจำนวนเล็กน้อยก็ตามโดยเห็นว่าการลดดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยผู้บริโภคมากนัก ในทางกลับกันกลับทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนมากขึ้น เพราะว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดนั้น จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลงไปอีก ส่งผลต่อเนื่องให้นักลงทุนโยกเงินออกจากตลาดหันไปลงทุนหากำไรจากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งนักลงทุนเชื่อว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอาหารและนำมันพุ่งสูงขึ้น โดยวิธีที่ดีที่สุดเฟดควรหยุดลดดอกเบี้ยในเวลานี้