นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตอบโต้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อสร้างเงื่อนไขให้ทหารทำการปฏิวัติ ว่า หากจะมีการยึดอำนาจจากทหาร ก็น่าจะมีสาเหตุจากการยั่วยุของรัฐบาล เช่นเดียวกับเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 พร้อมกับกล่าวย้ำว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทหาร
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงสาเหตุการกลับมาเคลื่อนไหว ว่า มีเหตุผลสำคัญมาจากการลุแก่อำนาจของรัฐบาล ตั้งแต่การโยกย้ายข้าราชการระดับสูงที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความพยายามแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังไม่เคารพมติของประชาชนเสียงข้างมากจำนวน 14.7 ล้านเสียง ที่รับรัฐธรรมนูญ 2550 รวมถึงการรื้อรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งร่าง
นายสนธิ ผู้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทหาร และหากจะมีการปฏิวัติยึดอำนาจ ก็น่าจะมีสาเหตุมาจากการทำงานของรัฐบาล เหมือนอย่างการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่มีสาเหตุโดยตรงมาจากตัวอดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมกับระบุว่า การที่นายสมัคร เพิกเฉยหรือไม่ดำเนินการใดๆ ต่อกรณีที่มีการกระทำหมิ่นสถาบันผ่านเว็บไซต์ หรือสื่ออื่นๆ โดยอ้างว่าไม่รู้ ไม่เห็น ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตถึงการจงรักภักดีของนายสมัคร
นอกจากนี้ นายสนธิ ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงการเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ที่ให้ความสำคัญอย่างมากกับการเลือกตั้งในเนปาล มีการนำเสนอรายงานการปฏิวัติฝรั่งเศส รวมถึงการลดอำนาจของพระราชวงศ์ในประเทศอังกฤษ ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย กล่าวเตือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวให้มีการถอดถอน ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อ เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดกับมาตรา 122 ที่ระบุว่า การปฏิบัติหน้าที่จะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน พร้อมเสนอทางออกในเรื่องนี้ว่า ควรตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนจากทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม แต่หากยังดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีเป้าหมายซ่อนเร้น เพื่อล้มการตรวจสอบจากองค์กรอิสระ ก็จะมีการเคลื่อนไหวคัดค้านจากทั่วประเทศ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงสาเหตุการกลับมาเคลื่อนไหว ว่า มีเหตุผลสำคัญมาจากการลุแก่อำนาจของรัฐบาล ตั้งแต่การโยกย้ายข้าราชการระดับสูงที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความพยายามแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ยังไม่เคารพมติของประชาชนเสียงข้างมากจำนวน 14.7 ล้านเสียง ที่รับรัฐธรรมนูญ 2550 รวมถึงการรื้อรัฐธรรมนูญทิ้งทั้งร่าง
นายสนธิ ผู้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทหาร และหากจะมีการปฏิวัติยึดอำนาจ ก็น่าจะมีสาเหตุมาจากการทำงานของรัฐบาล เหมือนอย่างการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่มีสาเหตุโดยตรงมาจากตัวอดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมกับระบุว่า การที่นายสมัคร เพิกเฉยหรือไม่ดำเนินการใดๆ ต่อกรณีที่มีการกระทำหมิ่นสถาบันผ่านเว็บไซต์ หรือสื่ออื่นๆ โดยอ้างว่าไม่รู้ ไม่เห็น ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตถึงการจงรักภักดีของนายสมัคร
นอกจากนี้ นายสนธิ ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงการเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ที่ให้ความสำคัญอย่างมากกับการเลือกตั้งในเนปาล มีการนำเสนอรายงานการปฏิวัติฝรั่งเศส รวมถึงการลดอำนาจของพระราชวงศ์ในประเทศอังกฤษ ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย กล่าวเตือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวให้มีการถอดถอน ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อ เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดกับมาตรา 122 ที่ระบุว่า การปฏิบัติหน้าที่จะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน พร้อมเสนอทางออกในเรื่องนี้ว่า ควรตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนจากทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม แต่หากยังดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีเป้าหมายซ่อนเร้น เพื่อล้มการตรวจสอบจากองค์กรอิสระ ก็จะมีการเคลื่อนไหวคัดค้านจากทั่วประเทศ