ผลวิจัยระบุ ทุกๆ ปีไว้รัสไข้หวัดใหญ่จะวิวัฒนาการใหม่ๆ จากบริเวณแถวๆ เอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ แล้วจึงแพร่กระจายไปทั่วโลก ก่อนที่เชื้อไวรัสจะสูญพันธุ์ไปภายใน 9 เดือน นอกจากนี้ การแพร่กระจายดังกล่าวยังทำให้เกิดการ "เพาะพันธุ์" ของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอ (เอช3 เอ็น2) ซึ่งเป็นไวรัสที่พบมากที่สุดด้วย
วารสาร Nature and Science ได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยของทีมนักวิจัยระหว่างประเทศทางด้านพันธุกรรม 2 ทีมที่ชี้ว่า มีแหล่งซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเชื้อไข้หวัดใหญ่ในแต่ละปีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แล้วก็เกิดการแพร่กระจายไปทั่วโลกก่อนที่เชื้อนั้นจะตาย ดังนั้นทุก ๆ ปี จึงมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นและทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่
ทีมวิจัยทีมแรกซึ่งนำโดยเอ็ดเวิร์ด โฮล์มส์ แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ไม่อาจระบุจุดเริ่มต้นของไวรัสไข้หวัดใหญ่อย่างแน่ชัด แต่กล่าวว่าทั้งไวรัสเอช3เอ็น2 และเอช1เอ็น1 ดูเหมือนจะมาจากแหล่งน้ำแหล่งใดแหล่งหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นในบริเวณเขตศูนย์สูตร อันเป็นเขตร้อนของโลก
ส่วนทีมที่สองซึ่งนำโดยโคลิน รัสเซล และดีเรก สมิธแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในอังกฤษ ได้วิเคราะห์ตัวอย่างเชื้อเอช3เอ็น2 จำนวน 13,000 ตัวอย่างที่พบตั้งแต่ปี 2002 และระบุว่าแหล่งกำเนิดของเชื้อไวรัสจะต้องเป็นเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอาจจะมาจากที่ต่าง ๆ กันในทุกปี
การค้นพบดังกล่าวอาจช่วยในการระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์ใดที่จะก่อให้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลต่าง ๆ และยังเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งซึ่งอาจจะช่วยให้ผู้ผลิตยาผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และที่ผ่านมาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ มักจะปรากฏภายหลังจากที่มีการผลิตวัคซีนชนิดใหม่ออกมาแล้ว
วารสาร Nature and Science ได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยของทีมนักวิจัยระหว่างประเทศทางด้านพันธุกรรม 2 ทีมที่ชี้ว่า มีแหล่งซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเชื้อไข้หวัดใหญ่ในแต่ละปีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แล้วก็เกิดการแพร่กระจายไปทั่วโลกก่อนที่เชื้อนั้นจะตาย ดังนั้นทุก ๆ ปี จึงมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นและทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่
ทีมวิจัยทีมแรกซึ่งนำโดยเอ็ดเวิร์ด โฮล์มส์ แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ไม่อาจระบุจุดเริ่มต้นของไวรัสไข้หวัดใหญ่อย่างแน่ชัด แต่กล่าวว่าทั้งไวรัสเอช3เอ็น2 และเอช1เอ็น1 ดูเหมือนจะมาจากแหล่งน้ำแหล่งใดแหล่งหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นในบริเวณเขตศูนย์สูตร อันเป็นเขตร้อนของโลก
ส่วนทีมที่สองซึ่งนำโดยโคลิน รัสเซล และดีเรก สมิธแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในอังกฤษ ได้วิเคราะห์ตัวอย่างเชื้อเอช3เอ็น2 จำนวน 13,000 ตัวอย่างที่พบตั้งแต่ปี 2002 และระบุว่าแหล่งกำเนิดของเชื้อไวรัสจะต้องเป็นเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอาจจะมาจากที่ต่าง ๆ กันในทุกปี
การค้นพบดังกล่าวอาจช่วยในการระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์ใดที่จะก่อให้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลต่าง ๆ และยังเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งซึ่งอาจจะช่วยให้ผู้ผลิตยาผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และที่ผ่านมาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ มักจะปรากฏภายหลังจากที่มีการผลิตวัคซีนชนิดใหม่ออกมาแล้ว