นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงแนวทางการสรรหาผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า แนวทางที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งให้เร่งรัดกระบวนการสรรหาเร็วที่สุด เนื่องจากขณะนี้ รฟท.มีภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการที่มีความสำคัญ หากไม่มีผู้บริหารจะเป็นอุปสรรคในการดำเนินโครงการสำคัญต่างๆ ดังนั้น ในการแก้ไขปัญหาการสรรหาจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เชิญนายยุทธนา ทัพเจริญ รองผู้ว่าการ รฟท.ที่เป็นหนึ่งในผู้สมัครเพื่อรับคัดเลือกเป็นผู้ว่าการ รฟท.และเป็นผู้ฟ้องร้องต่อศาลปกครองโดยอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการสรรหา รวมถึงนายบัญชา คงนคร รองผู้ว่าการ รฟท.และผู้สมัครรับคัดเลือกเป็นผู้ว่าการ รฟท.อีกคนมาหารือ ซึ่งจากการหารือต้องการให้ทั้ง 2 ฝ่ายปรองดองกันและร่วมกันหาทางออก เพราะหากต้องไปเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ การหาตัวผู้ว่าการ รฟท.จะล่าช้าไปอีก
ทั้งนี้ การเจรจาหาทางออกร่วมกัน หากตกลงกันได้ คนหนึ่งถอนฟ้อง อีกคนหนึ่งสละสิทธิ์ ทุกอย่างก็ง่าย และทั้ง 2 ฝ่ายก็กลับมาทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนา รฟท.ได้
สำหรับกรณีมีผู้ที่ผ่านการสรรหาผู้ว่าการ รฟท. 2 คน และกลายเป็นข้อพิพาท พบว่า ขั้นตอนการสรรหาของนายยุทธนา ได้ถูกเริ่มสรรหาขึ้นก่อนและขั้นตอนได้ผ่านกระบวนการอนุมัติผลการสรรหาของคณะกรรมการ รฟท.ในขณะนั้นแล้ว จนถึงขั้นตอนที่นายยุทธนา ได้เจรจาตกลงเงินเดือนกับกระทรวงการคลังและมีสัญญาว่าจ้างแล้ว และรอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติในขั้นตอนสุดท้าย แต่หลังจากนั้นเกิดการรัฐประหารเปลี่ยนแปลงรัฐบาลขึ้นก่อน
ส่วนกระบวนการสรรหาของนายบัญชา ได้ผ่านกระบวนการสรรหา โดยมีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน เมื่อสรรหาแล้วเสร็จ ได้เตรียมเสนอรายชื่อให้คณะกรรมการ รฟท.ซึ่งมีนายศิวะ แสงมณี เป็นประธานอนุมัติ และประกาศรายชื่อ แต่คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ลาออกก่อนทำให้กระบวนการสรรหาของนายบัญชา ยังไม่มีความสมบูรณ์ และปัญหาความขัดแย้งเรื่องการสรรหาผู้ว่าการ รฟท.ทำให้ รฟท.ว่างเว้นไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการแล้ว 2 ปี นับจากนายจิตต์สันติ ธนะโสภณ อดีตผู้ว่าการ หมดวาระลง
ทั้งนี้ การเจรจาหาทางออกร่วมกัน หากตกลงกันได้ คนหนึ่งถอนฟ้อง อีกคนหนึ่งสละสิทธิ์ ทุกอย่างก็ง่าย และทั้ง 2 ฝ่ายก็กลับมาทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนา รฟท.ได้
สำหรับกรณีมีผู้ที่ผ่านการสรรหาผู้ว่าการ รฟท. 2 คน และกลายเป็นข้อพิพาท พบว่า ขั้นตอนการสรรหาของนายยุทธนา ได้ถูกเริ่มสรรหาขึ้นก่อนและขั้นตอนได้ผ่านกระบวนการอนุมัติผลการสรรหาของคณะกรรมการ รฟท.ในขณะนั้นแล้ว จนถึงขั้นตอนที่นายยุทธนา ได้เจรจาตกลงเงินเดือนกับกระทรวงการคลังและมีสัญญาว่าจ้างแล้ว และรอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติในขั้นตอนสุดท้าย แต่หลังจากนั้นเกิดการรัฐประหารเปลี่ยนแปลงรัฐบาลขึ้นก่อน
ส่วนกระบวนการสรรหาของนายบัญชา ได้ผ่านกระบวนการสรรหา โดยมีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน เมื่อสรรหาแล้วเสร็จ ได้เตรียมเสนอรายชื่อให้คณะกรรมการ รฟท.ซึ่งมีนายศิวะ แสงมณี เป็นประธานอนุมัติ และประกาศรายชื่อ แต่คณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ลาออกก่อนทำให้กระบวนการสรรหาของนายบัญชา ยังไม่มีความสมบูรณ์ และปัญหาความขัดแย้งเรื่องการสรรหาผู้ว่าการ รฟท.ทำให้ รฟท.ว่างเว้นไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการแล้ว 2 ปี นับจากนายจิตต์สันติ ธนะโสภณ อดีตผู้ว่าการ หมดวาระลง