พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ดูแลงานจราจร เปิดเผยว่า ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรสี ผู้บังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายอำนวยการ บก.02 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกการจราจรและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยรัฐบาลได้กำหนดวันปฏิบัติในช่วง 7 วันอันตราย วันที่ 11-17 เมษายนนี้ โดยในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการตั้งศูนย์อำนวยการฯ ที่ศูนย์ควบคุมสั่งการจราจร (บก.02) ซึ่งเป็นศูนย์การสื่อสาร ประสานข้อมูล ทั้งในส่วนของ บช.น. และตำรวจทางหลวง ในการดูแลอำนวยความสะดวกจราจร ข้อมูลอุบัติเหตุและรายงานสถานการณ์ประจำวัน ซึ่งในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ได้รับนโยบายจาก พล.ต.ท.ชาตรี สุนทรศร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เตรียมพร้อมการป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งประชาชนบางส่วนจะทยอยเดินทางออกต่างจังหวัดก่อนวันที่ 11 เมษายน โดยมีคำสั่งให้ สน.ท้องที่ของ บช.น. ทั้ง 88 สน.และบก.จร. ทั้ง กก.1 กก.2 และ กก.5 ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ตั้งแต่คืนวันที่ 8 เมษายนเป็นต้นไป ต่อเนื่องถึงวันระดมกวดขันลดอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตราย ถึงวันที่ 17 เมษายนนี้ โดยจะมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงออกตรวจการตั้งด่านทุกคืน
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่อว่า ได้ออกแผนปฏิบัติช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระดมกำลังตำรวจจราจรกว่า 5,000 นาย ในการดูแลอำนวยความสะดวกจราจร กวดขันตามกฎหมาย พร้อมทั้งการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ห้ามลา หรือหยุดงานในช่วงดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ขับขี่เมาสุรา ซึ่งปัจจุบันกฎหมายใหม่เพิ่มโทษได้บังคับใช้แล้ว มีโทษหนักขึ้นทั้งโทษจำคุก โทษปรับและคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ จะเน้นการดูแลประชาชนที่จะเดินทางออกต่างจังหวัด ในเส้นทางสายหลัก และบริเวณสถานีขนส่ง ซึ่งได้ประสานกับ บขส.ไว้แล้ว ส่วนการจัดงานในปีนี้กรุงเทพมหานคร จะงดจัดกิจกรรมรื่นเริงที่ท้องสนามหลวง และงดการจัดโชว์น้ำพุบนถนนราชดำเนิน มีเพียงการทำบุญตักบาตรในช่วงเช้า แต่คาดว่าจะมีประชาชนไปเล่นสาดน้ำที่ถนนข้าวสารจำนวนมากเหมือนเช่นทุกปี ซึ่งในส่วนของตำรวจจะมีการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร 3 ม. 2 ข. 1 ร. และกำหนดพื้นที่ห้ามรถกระบะบรรทุกคน เล่นสาดน้ำ ซึ่งจะกำชับการปฏิบัติและมอบนโยบายในการประชุมฝ่ายจราจร บช.น.ประจำเดือน ในวันที่ 4 เมษายนนี้
พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่อว่า ได้ออกแผนปฏิบัติช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระดมกำลังตำรวจจราจรกว่า 5,000 นาย ในการดูแลอำนวยความสะดวกจราจร กวดขันตามกฎหมาย พร้อมทั้งการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ห้ามลา หรือหยุดงานในช่วงดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ขับขี่เมาสุรา ซึ่งปัจจุบันกฎหมายใหม่เพิ่มโทษได้บังคับใช้แล้ว มีโทษหนักขึ้นทั้งโทษจำคุก โทษปรับและคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ จะเน้นการดูแลประชาชนที่จะเดินทางออกต่างจังหวัด ในเส้นทางสายหลัก และบริเวณสถานีขนส่ง ซึ่งได้ประสานกับ บขส.ไว้แล้ว ส่วนการจัดงานในปีนี้กรุงเทพมหานคร จะงดจัดกิจกรรมรื่นเริงที่ท้องสนามหลวง และงดการจัดโชว์น้ำพุบนถนนราชดำเนิน มีเพียงการทำบุญตักบาตรในช่วงเช้า แต่คาดว่าจะมีประชาชนไปเล่นสาดน้ำที่ถนนข้าวสารจำนวนมากเหมือนเช่นทุกปี ซึ่งในส่วนของตำรวจจะมีการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร 3 ม. 2 ข. 1 ร. และกำหนดพื้นที่ห้ามรถกระบะบรรทุกคน เล่นสาดน้ำ ซึ่งจะกำชับการปฏิบัติและมอบนโยบายในการประชุมฝ่ายจราจร บช.น.ประจำเดือน ในวันที่ 4 เมษายนนี้