ที่ห้องพิจรณาคดีที่ 905 ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่นายสมศักดิ์ สิงหลกะ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิจัยการเกษตร หรือ สวก. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายบรรพต หงษ์ทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเถลิง ธำรงนาวาสวัสดิ์ อดีตที่ปรึกษา สวก. เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ จากกรณีเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมปี 2547 ขณะที่จำเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการคณะกรรมการบริหาร สวก. ได้มีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 เสนอโยกย้ายโจทก์ไปเป็นที่ปรึกษาพัฒนาการวิจัยการเกษตร โดยไม่มีความผิด และการเสนอโยกย้ายไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร สวก. โดยมีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งให้ได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเนื่องจากเห็นว่าคดีไม่มีมูล แต่โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 และ 2 ไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จำเลยที่ 1 ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานกรรมการของคณะกรรมการบริหาร สวก. และเคยขอให้โจทก์ปรับปรุงการทำงาน คำสั่งโยกย้ายโจทก์จึงเป็นไปเพื่อการปกครองใน สวก. แม้จะทำให้โจทก์เสียผลประโยชน์เรื่องค่าตอบแทน แต่ก็ไม่ได้เป็นการกระทำความผิดตามที่โจทก์อ้าง การกระทำของจำเลยทั้ง 2 ไม่มีมูล ที่ศาลชั้นต้นพิพากษานั้นชอบแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเนื่องจากเห็นว่าคดีไม่มีมูล แต่โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 และ 2 ไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จำเลยที่ 1 ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานกรรมการของคณะกรรมการบริหาร สวก. และเคยขอให้โจทก์ปรับปรุงการทำงาน คำสั่งโยกย้ายโจทก์จึงเป็นไปเพื่อการปกครองใน สวก. แม้จะทำให้โจทก์เสียผลประโยชน์เรื่องค่าตอบแทน แต่ก็ไม่ได้เป็นการกระทำความผิดตามที่โจทก์อ้าง การกระทำของจำเลยทั้ง 2 ไม่มีมูล ที่ศาลชั้นต้นพิพากษานั้นชอบแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง
